ย่างเดือนธันวาคม ปฏิทินหน้าสุดท้ายปลายปี จังหวะนับถอยหลังพิธีเปิดมหกรรมกีฬาซีเกมส์ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในอีกไม่ถึง 48 ชั่วโมงข้างหน้า สถานการณ์ส่อเค้าวุ่นวายจนวินาทีสุดท้าย ฝ่ายจัดอ้างงบน้อย ไม่มีเงินแม้แต่ซื้อ “ผักชีโรยหน้า”จากอีเวนต์กีฬาระดับภูมิภาคอาเซียนที่คนไทยควรได้หน้า แต่กลับเสี่ยงขายหน้าเพราะเกมอำนาจการเมืองป่วนไปยันเกมสปิริตวงการกีฬาปัญหาที่มะรุมมะตุ้ม กดทับโจทย์บริหารของรัฐบาลเฉพาะกิจกำเนิดจากเกมอำนาจลักลั่น แจกโควตารัฐมนตรีกันตามพลังเสียงต่อรอง เมื่อเจอโจทย์ปัญหาปราบเซียนของจริงเลยเอ๋อไปกันไม่เป็นบริหารประเทศไทย ไม่ได้ง่ายแค่จัดอีเวนต์โชว์ตบตาคนดูณ จุดที่ประชาชนคนหาดใหญ่ สงขลา และพื้นที่ข้างเคียง ต้องเผชิญวิบากกรรมหนักหนาสาหัส แม้แต่น้ำล้างบ้าน ทำความสะอาดอาคารที่พักอาศัยยังหายาก กองขยะท่วมเมืองส่งกลิ่นเหม็นเน่าเพาะเชื้อโรคกระจายสภาพต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะกู้สถานการณ์คืนสู่ภาวะปกติมหาวิปโยค คนหาดใหญ่ยังตั้งหลักไม่ติด ขณะที่ฝ่ายบริหารก็ตั้งลำไม่ทันและไม่จบง่ายๆแค่ผู้นำอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย แอ่นอกแสดงความรับผิดชอบด้วยการเอ่ยขอโทษประชาชนเหมาเสียงด่า บ้อท่า ทำคนตาย บาดเจ็บ ไม่มีที่อยู่อาศัยในอารมณ์สารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง “นายกฯอนุทิน” ยังต้องใช้โอกาส “สอบซ่อม” แก้ตัวในการบริหารแผนฟื้นฟูผู้ประสบภัย เร่งกู้เมืองที่ยับเยินแต่ไม่ทันไร แค่เรื่อง “เงินเยียวยา” ก็ปั่นป่วนตามคาดภาพผู้ประสบภัยต่อแถวถ่ายเอกสารยาวเหยียด แย่งกันรับปัจจัยช่วยเหลือเบื้องต้น 9,000 บาท จากรัฐบาล หักมุมกับที่นายกฯและบิ๊กมหาดไทยประกาศออกสื่อใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียวก็พร้อมโอนไวทันทีเพราะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติไม่กล้าเสี่ยงเงี่ยงกฎหมายเงินหลวงนักการเมืองสั่งลอยๆเดี๋ยวก็ไป ไม่มีหลักประกันรับรองระเบียบราชการ ในภายภาคหน้า ถึงเวลา สตง.เฮี้ยนขึ้นมา แค่หลักร้อยหลักพันยังมีปัญหา นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลักล้านที่รัฐบาลประกาศจ่ายให้ผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมศพละ 2 ล้าน และขีดวงเฉพาะหาดใหญ่ สงขลา ในพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดนด่ากระเจิง ต้องกัดฟันเปลี่ยนเป็นเหมาจ่ายทั่วพื้นที่อุทกภัยภาคใต้อาการเหมือนลนลานเสียงด่า รัฐบาลต้องรีบประกาศมาตรการเยียวยาไปโดยไม่ทันได้ดูระเบียบงบประมาณรองรับ ผลักข้าราชการไปรับความเสี่ยงแทนเงินทองของบาดใจ มีคนได้ คนไม่ได้ รัฐบาลหนีไม่พ้นโดนด่ามหาภัยพิบัติน้ำท่วมใต้ ซัดคะแนนรัฐบาลเซราะกราวตกทะเลไปอื้อซ่า คราวซวย “นายกฯหนู” โดน “ผีผลัก” ในจังหวะคาบลูกคาบดอก คิว “ยุบสภา” จ่ออยู่อีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า เกิดขึ้นได้ทุกขณะหลังจากนี้ไปจนถึง 31 มกราคมปีหน้าโดยเงื่อนเวลาสั้นๆ อาการ “สำลักน้ำ” ยังไงก็หายไม่ทันวันเลือกตั้งแน่แต่นั่นก็ต้องไม่ลืมยี่ห้อเซราะกราว “ก๊วนเขากระโดง” ยังมีบรมกุนซือที่ชื่อ “เนวิน ชิดชอบ” ผู้ครบเครื่องวิชาการเมือง บัญชาการเกมอยู่ข้างสนามตามจังหวะบังคับ ต้องดึงเหลี่ยมเด้งเชือกจากมุมอับช่วยกัปตันทีมในสนามอย่าง “อนุทิน” พลิกภาวะคับขันแบบปัจจุบัน ทันด่วนเปลี่ยนเกมจากที่ตั้งรับภาวะ “น้ำซัด” ศรัทธาทรุด เป็นจุดที่กลับมารุกชิง “แต้มต่อ” ที่หายไปให้ทันมันจึงได้เห็นปรากฏการณ์เซอร์ไพรส์ โผล่มาแบบไม่มีสัญญาณล่วงหน้า กับช็อตที่ “นายกฯหนู” นั่งเป็นประธานใหญ่ กำกับฉากบู๊ล้างผลาญปฏิบัติการไล่ล่า “อายัดขุมทรัพย์” แก๊งโจรไซเบอร์สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงโชว์คิวลุย “ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ” ยึดเงินเทาของเครือข่ายอาชญากรระดับโลกคนดัง “เบน สมิท-ยิม เลียก” ที่ซุกซ่อนในเมืองไทยข่าวใหญ่ ยึดพื้นที่พาดหัวยักษ์หนังสือพิมพ์และกระแสสื่อหลัก สลับฉากข่าวน้ำท่วมหาดใหญ่ เบี่ยงแรงกระแทกหนักๆ ผ่องกระแสเสียงตำหนิรัฐบาลเซราะกราวไปได้แบบทันตาเห็นแต่กลายเป็นเพื่อนร่วมรัฐบาลที่โดนย้ำแผลเจ็บสาหัสสถานการณ์ “นายกฯอนุทิน” กดปุ่มไล่ล่าแก๊งโจรสแกมเมอร์ เบี่ยงเป้าโฟกัสไปที่ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรฯ พี่ใหญ่ค่ายกล้าธรรม ที่โดนแรงระเบิดกระแทกไปเต็มๆตามจังหวะ “มือปราบสแกมเมอร์ตัวพ่อ” อย่างนายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน รีบเบิ้ลเครื่องไล่บี้ให้ “นายกฯอนุทิน” ปลด “บิ๊กบราเธอร์” ออกจากตำแหน่งรองนายกฯและ รมว.เกษตรฯจี้ให้ ปปง.สอบเส้นทางเงินเทาโยงใยขุมข่ายโจรสแกมเมอร์ไม่ไว้แม้แต่เบอร์ใหญ่อย่าง “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่พลาดคิวร่วมด้วยช่วยเขย่า กดดันรัฐบาลอย่าทำเป็นตีมึนเฉย กรณีที่มีการตั้งทนายความตัวกลั่นของ “เบน สมิท” มีตำแหน่งในรัฐบาล เหมาะสมหรือไม่โยนไฟจี้ก้นนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ “ม้าใช้” สายตรงของ“ผู้กองนัส” ที่นั่งตำแหน่งข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกฯ ต้องสะดุ้งโวยวาย มีความผิดอะไร ยืนยันเสียงแข็งยังไงก็ไม่ลาออกตามเสียงเรียกร้องก๊วน“ผู้กอง” โดนแรงกระแทกสแกมเมอร์ จุกไปตามๆกันและนั่นก็ทันทีทันควัน ค่ำวันเดียวกันก็ปรากฏภาพฮือฮา แชร์กันว่อนโซเชียลฯและสื่อหลักทุกสำนัก“เบน สมิท” ถ่ายภาพร่วมเฟรมกับบุคคลสำคัญในแวดวงอำนาจเมืองไทยไม่ใช่เรื่องบังเอิญภาพหลุดแน่ แต่ตั้งใจชัวร์ว่า “ปล่อยภาพประจาน”ไฮไลต์เด็ดอยู่ที่ “นายกฯอนุทิน” มีทั้งช็อตยืนถ่ายที่กอล์ฟคลับ ประเทศกัมพูชา และนั่งร่วมโต๊ะอาหารในโรงแรมดังประเทศสิงคโปร์ โฟกัสอีกคนก็คือ “ด็อกเตอร์เอก” นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและ รมว.คลัง ที่กำลังยืนคุยและแลกนามบัตรกับอาชญากรไซเบอร์คนดังและยังรวมไปถึงนายพลคนดังอย่าง “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.ที่ภาพชัดๆยืนกอดคอ “เบน สมิท” อย่างสนิทสนม แถมมีช็อตราชาสแกมเมอร์ร่วมงานแต่งลูกสาวกระตุกอาการร้อนผ่าว นั่งไม่ติดไปตามๆกันถึงขั้นที่ “บิ๊กแดง” ต้องต่อสายเคลียร์ผ่าน “นักเล่าคนดัง” แจงเป็นภาพเมื่อปี 2557 ขณะเรียนหลักสูตร วปอ. และเดินทางไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักว่า นายเบน สมิท เป็นนักธุรกิจ และภาพร่วมโต๊ะอาหาร โดยนายอนุทินยังบอกในขณะนั้นว่า อเมริกันแชร์ คือทุกคนจ่ายค่าอาหาร ไม่มีใครเลี้ยงยืนยัน ส่วนตัวไม่สนิทสนมคบหา แต่เป็นการรู้จักแบบผิวเผินเท่านั้นด้านนายเอกนิติอธิบายว่า ได้เจอกับ “เบน สมิท” ในงานเลี้ยง ในฐานะที่ตัวเองเป็นอาจารย์ในหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แค่แลกนามบัตรกันตามมารยาทหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการคบหาสมาคมหรือติดต่อธุรกิจแต่อย่างใดสคริปต์เดียวกันเลย “นายกฯอนุทิน” ก็ยอมรับรู้จัก “เบน สมิท” ผ่านการแนะนำของเพื่อน แต่ยืนยันไม่สนิท แถมเป็นภาพเก่าตั้งแต่ปี 2557 ตอนนั้นยังไม่มีเรื่องสแกมเมอร์เลยด้วยซ้ำ “นายกฯหนู-ดร.เอก-บิ๊กแดง” โดนป้ายคราบดำๆเทาๆ มอมแมมไปตามๆกันแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็น่าจะอ่านทะลุ เขี้ยวการเมืองระดับ “เนวิน-อนุทิน” ย่อมรู้อยู่แล้วว่า การเปิดไพ่เสี่ยงเดิมพันพลิกกู้กระแสน้ำซัดแต้มศรัทธา ลุย “วัดดวงโจรเทา” ต้องโดนแรงสะท้อนกลับหนักๆ ชุดภาพเด็ดที่ผลุบๆโผล่ๆ เหมือนกั๊กไว้ต่อรองแบล็กเมล์ มีคนไม่ยอมตายเดี่ยวณ จุดที่แลกกับความเสียว ไฟเขียวลุยหักดิบแก๊งโจรสแกมเมอร์แบบขว้างงูไม่พ้นคอ แต่มันก็คุ้มค่าความเสี่ยงสไตล์เกรียนเซราะกราว บู๊ ห้าว กล้าได้กล้าเสียไม่อย่างนั้น “นายกฯหนู” คงไม่กล้าขึ้นเสียงสูง ย้อนกลับก๊วนเพื่อไทยทำไมอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ถ่ายรูปกับ “เบน สมิท” ตั้งหลายช็อตไม่มีอะไรตามน้ำด้วย น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย เบิ้ลใส่พรรคเพื่อไทยไม่แกล้งตาบอดก็จะเห็นว่า ล่าสุดมีภาพถ่ายว่ามีใครไปนั่งกินข้าวกับนายเบน สมิท ซึ่งเป็นรูปในปีนี้เอง สดๆ ร้อนๆ ทำไมโฆษกพรรคเพื่อไทย หรือคนเพื่อไทย ไม่ออกมาพูดบ้างโดยเงื่อนเวลาและปัจจัยแวดล้อม “อนุทิน” และทีมงานยังห่างจาก “เบน สมิท” มากกว่าช็อต “นายใหญ่”เรื่องของเรื่อง จังหวะเบิ้ลกันทางการเมือง มอมแมมไปตามๆกันแต่เดิมพันสูงกว่านั้นสำหรับประเทศไทย ณ จุดที่ “โจรสแกมเมอร์” ถูกยกระดับเป็นวาระโลก จับสัญญาณกัดติดจาก “ทอม ไรต์” นักข่าวคนดัง ที่น่าจะเชื่อมข้อมูลกับซีไอเอ โยงกับสภาคองเกรส สหรัฐอเมริกา จ่อผ่านกฎหมาย “แบล็กลิสต์” อาชญากรไซเบอร์ เปิดสงครามสยบดินแดนเงินเทามาตรฐาน “พี่เบิ้ม” ในการล็อกคอโจรสแกมเมอร์ คงไม่ได้ให้น้ำหนักแค่ภาพถ่ายประจานหลักฐานเส้นเงินบาปที่ซ่อนอยู่ทุกมุมโลก หนีไม่พ้นเครื่องมือสแกนยิบ ชัดหมดใครเป็นใครจังหวะถ้ารัฐบาลไทยไม่จัดการเด็ดขาด ถูกลากเข้าโซนเมืองบาปร่วมกับเขมร เมียนมา“แบล็กลิสต์” นักการเมืองไทยโผล่มา มีหวังบรรลัยเกิดตามๆกันแน่.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม