ก็คงต้องบันทึกวันเวลาขณะที่นั่งเขียนต้นฉบับวันนี้เอาไว้อีกเช่นเคย เพราะในยุคที่โลกเราหมุนเร็วเหลือเกิน อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีทางด้านเครื่องมือสื่อสารยุคใหม่...สื่อสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะคอลัมน์ต่างๆที่จำเป็นต้องเขียนล่วงหน้า จะกลายเป็นว่า “หมุนช้า” หรือ “บันทึกเรื่องราวช้า” กว่าสื่ออื่นๆเนื่องจากในชั่วโมงที่ผมนั่งเขียนซึ่งเป็นเวลาบ่าย 3 ของ วันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 นั้น ศึกระหว่าง “กัมพูชา-ไทย” ยก 2 เพิ่งจะผ่านมาได้ 2 วันกว่าๆยังไม่ครบ 3 วันเต็มแต่หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ฉบับวันนี้จะวางแผงในวันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม ผ่านเหตุการณ์สู้รบไปแล้ว 4 วันเต็มๆ สถานการณ์ต่างๆคงจะเปลี่ยนแปลงไปมากในขณะที่ผมนั่งบันทึกเหตุการณ์อยู่นี้ แม้สถานการณ์การปะทะจะขยายออกเป็นวงกว้างหลายต่อหลายพื้นที่ ทั้งในเขตของกองทัพภาคที่ 2 ด้านอีสานลงมาจนถึงเขตรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 บริเวณจังหวัดสระแก้วลงไปจนถึงเขตรับผิดชอบของกองทัพเรือ บริเวณชายแดนด้านจังหวัดตราดแต่ภาพรวมๆ ถือว่าเราประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 สามารถผลักดันและควบคุมพื้นที่สำคัญ 3 พื้นที่ อันได้แก่ บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง และบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยาไว้ได้ในขณะที่กองทัพภาคที่ 2 โดยการสนับสนุนของกองทัพอากาศก็สามารถส่ง F-16 ไปหย่อนไข่ทำลายกาสิโนร้าง เครือข่ายสแกมเมอร์ที่ถูกใช้เป็นฐานที่ตั้งทางทหารและจุดปล่อยโดรนในพื้นที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ได้สำเร็จเช่นกันรวมทั้งสามารถทำลายเสาสัญญาณระบบ Anti Drone ในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ, กวาดล้างพื้นที่รุกล้ำแนวปฏิบัติการบริเวณช่องระยี ทิศตะวันออกของช่องจอม อำเภอกาบเชิง จ.สุรินทร์, เข้าผลักดันทหารกัมพูชาในพื้นที่ปราสาทคนา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ แต่ยังไม่สามารถควบคุมได้เบ็ดเสร็จเนื่องจากมีสนามทุ่นระเบิดที่ฝังใหม่โดยเขมรรายล้อมอยู่โดยรอบครับ! ฯลฯ และ ฯลฯ ที่เป็นผลสำเร็จในเชิงบวกสำหรับเราแต่ก็แน่ละเราต้องสูญเสียชีวิตทหารหาญ รวมถึงการบาดเจ็บไปบ้างอันเป็นธรรมดาของการทำสงคราม ซึ่งเปรียบเสมือนสาดน้ำรดกันย่อมจะเปียกไปด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย...ผมและพวกเราชาวไทยที่อยู่แนวหลังขอสดุดียกย่องและขอขอบคุณทุกๆท่านที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในแนวหน้า และมั่นใจว่ารัฐบาลไทยตลอดจนพวกเราชาวไทยจะช่วยกันดูแลครอบครัวของผู้เสียสละทุกท่านเป็นอย่างดีที่สุดมีรายงานข่าวด้วยว่า ฝ่ายเขมรเองก็ยิงตอบโต้ด้วยจรวด BM-21 เข้าใส่หมู่บ้านต่างๆที่มิใช่เป้าหมายทางทหารของเราอย่างไร้มนุษยธรรม นำความเสียหายมาสู่ชีวิตและทรัพย์สินในบางจุดแต่จากการเตรียมตัวเอาไว้อย่างดีมีการอพยพพี่น้องประชาชนล่วงหน้า ทำให้ความสูญเสียของเราน้อยลง เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วอย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชาซึ่งนาย ฮุน เซน ที่ใช้กลยุทธ์หลอกลวงชาวโลกว่าตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งๆที่เป็นฝ่ายยั่วยุและเริ่มยิงก่อนตลอดทุกครั้งนั้นได้ออกมาบัญชาการรบด้วยตนเองแล้วจะมีลวดลายหรือลูกไม้ใดๆอีกคงต้องติดตามดูกันต่อไปในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง ผมเชื่อมั่นในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” อยู่เสมอๆการรับเงินจากสแกมเมอร์ ซึ่งได้มาจากการก่อกรรมทำเข็ญต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันของ นาย ฮุน เซน ถือเป็นการ “ทำชั่ว” ประการหนึ่ง สมควรได้รับกรรมจากการกระทำของเขาเป็นการตอบแทนขอให้กองทัพไทยและประเทศไทยประสบชัยชนะในศึกครั้งนี้ เพราะไม่เพียงแต่เราจะสามารถบ่อนทำลายมิให้ฝ่ายเขมร “คุกคาม” เราได้อีกเท่านั้น ยังถือเป็นการทำลายล้าง “เจ้าพ่อสแกมเมอร์” ตัวจริงที่สร้างความทุกข์มหันต์แก่ชาวโลกลงได้อีกทางหนึ่งผมเชื่อว่าแผ่นดินของโลกและแผ่นดินของกัมพูชาจะกลับมาสูงขึ้น หาก 2 พ่อลูกตระกูลฮุนจะพ้นจากตำแหน่งทุกตำแหน่งในกัมพูชา หลังศึกครั้งนี้จบลง."ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม