“อนุทิน” รับเตรียมไว้แล้วร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภา รอดูสถานการณ์ใช้ อำนาจตัดสินใจนำขึ้นทูลเกล้าฯ “ภราดร” ชงญัตติด่วนให้สภาฯ ถก คำถามที่ 1 ประชามติแก้รัฐธรรมนูญ รัฐสภาถกร่างรัฐธรรมนูญวาระ 2 กมธ.โวโมเดล 2 กมธ.ทำคลอดกติกาใหม่ ปลดล็อกสถาปนารัฐธรรมนูญใหม่ของประชาชน เพื่อไทยดาหน้าถล่มจี้รื้อฟื้น ส.ส.ร. สกัดฮั้วทีมยกร่างฯ ไม่ยึดโยงประชาชน “ชลน่าน” ฉะสูตร 20 หยิบ 1 ชี้นำ ผูกขาด ครอบงำ ดันตั้ง กมธ. ร่าง รธน.มาจากสัดส่วนภูมิภาค 20 คนกับผู้เชี่ยวชาญสาขา 15 คน “อ๋อย” จวกสูตรล้มเหลวเปิดช่องพรรคขาใหญ่ผนึก สว.ฮั้วหวยล็อก “นันทนา” จี้กลับมติ กมธ.ข้างมากหวั่นได้รัฐธรรมนูญสีเทา “เท้ง”หนุนฟื้นสภาที่ปรึกษาร่าง รธน. โวยอย่าให้ใครกินรวบนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ยอมรับว่าได้เตรียมร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภาฯเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันเป็นอำนาจของนายกฯจะตัดสินใจ เมื่อพิจารณาสถานการณ์ที่เหมาะสม“หนู” รับร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภาไว้แล้วเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเตรียมความพร้อมยุบสภาว่า “คุยเมื่อไหร่ ผมยืนอยู่ตรงนี้ บอกว่าไม่มีแล้วจะมีได้อย่างไร ยังยืนยันการยุบสภาเป็นอำนาจของนายกฯที่จะทูลเกล้าฯขึ้นไป” เมื่อถามว่ายังเป็นไทม์ไลน์เดิมวันที่ 31 ม.ค.69 หรือจะเร็วขึ้น นายอนุทินกล่าวว่าเป็นอำนาจของนายกฯ เมื่อถามว่าการประชุมหัวหน้าหน่วยราชการเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.บอกว่าอาจจะเร็วกว่าเดิมเหลือเพียงแค่ลงวันและเวลาใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่าใช่ เราดูสถานการณ์ความเหมาะสม เมื่อถามว่าร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภาฯเตรียมไว้แล้วใช่หรือไม่ นายกฯไม่ตอบคำถามดังกล่าว เพียงแค่พยักหน้ายอมรับไม่สร้างสรรค์จ้องเล่นเรื่องเล็กๆน้อยๆเมื่อถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การเปิดตัวผู้สมัคร สส.ในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา นายอนุทินกล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. มีการประชุมพรรค ภท.ทุกวันอังคาร เตรียมความพร้อมและทำการบ้านการประชุมสภาฯ ต้องคุยท่าทีทิศทางพรรคหากมีการลงมติ ตนอยู่ที่พรรคภท.อย่าไปจับเรื่องเล็กๆน้อยๆ คนว่างงานชอบพูดแบบนี้ การทำการเมืองแบบนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่สร้างสรรค์ แต่ละคนที่ออกมาพูดเหมือนทำใจไม่ได้ที่หลุดจากตำแหน่งใด เมื่อถามว่าการแก้รัฐธรรมนูญวาระ 2 จะเดินไปถึงวาระ 3 ได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า พยายามเต็มที่เรามีเอ็มโอเออยู่“นิกร” เชื่อ 29 มี.ค.69 ลต.–ทำประชามติเมื่อเวลา 09.40 น. ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา เลขานุการกรรมการร่วมกัน เพื่อพิจารณาประชามติ กล่าวว่า ฟังนายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ จะยื่นญัตติโดยรัฐสภาเพื่อตั้งคำถามที่ 1 เพื่อทำประชามติวันที่ 12 ธ.ค. แต่ต้องใช้อำนาจประธานรัฐสภาหรือระหว่างเปิดสมัยประชุมสามัญ เรียกประชุมรัฐสภาอีกครั้งได้เพื่อจะเคาะเรื่องนี้ หรืออาจรอพร้อมคำถามที่ 2 หลังจากวาระที่ 2 ผ่านไป 15 วัน แต่พอสภาฯมีญัตติเรื่องนี้คำถามจากสภาฯจะไปที่ ครม. ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน แต่ไม่เกิน 150 วัน อาจลงล็อก 29 มี.ค.69 และเมื่อยุบสภาฯตาม MOA ลงวันเดียวกันได้ หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นไม่ว่าคำถามที่ 2 จะผ่านการพิจารณาหรือไม่หวังว่าอย่างน้อยจะได้คำถามที่ 1 ค่าใช้จ่าย หากเลือกตั้งพร้อมทำประชามติจะลดรายจ่ายได้ 4,000-5,000 ล้านบาท หากปลายเดือนนี้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 จะลงล็อกได้เลือกตั้ง ได้คำถามประชามติที่ 1 และ 2 พร้อมกัน“ภราดร” ยื่นญัตติด่วนคำถามที่ 1เมื่อเวลา 09.30 น. มีการประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ที่ กมธ.พิจารณาแล้วเสร็จ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภท.หารือว่าได้ยื่นญัตติด่วนให้รัฐสภาพิจารณาคำถามประชามติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญในคำถามแรกและลงมติยื่นเรื่องไปยัง ครม.หลังจบการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญวาระ 2 ไม่ต้องรอจนโหวตวาระ 3 เสนอไว้แล้วและรอประธานรัฐสภาบรรจุเพื่อให้รัฐสภาพิจารณาได้ต่อ ส่วนการลงมติวาระ 3 หากสิ้นเดือน ธ.ค.ไม่เสร็จ ไม่ขัดข้องที่จะไปโหวตวาระ 3 ต้นปี 69 ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคพท.โต้แย้งว่าไม่จำเป็นต้องเป็นภาระรัฐสภา ครม.ตั้งคำถามประชามติแก้รัฐธรรมนูญได้เอง นายภราดรชี้แจงว่ามีหนังสือกรรมการกฤษฎีกาทักท้วงว่าจะขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเริ่มต้นที่รัฐสภา เพื่อความรอบคอบถูกต้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ นายวันมูหะมัดนอร์จึงรับไว้และขอให้วิป 3 ฝ่ายหารือกันกมธ.โวสถาปนา รธน.ใหม่ของ ปชช.จากนั้นนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ประธานคณะ กมธ. รายงานผลการพิจารณาว่า กมธ.ได้พิจารณาโดยเป็นไปตามหลักการของร่างแก้รัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีบทสรุปส่วนแก้ไขในส่วนของกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน โดยรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับคัดเลือก ตามสูตร 20 หยิบ 1 จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน และมี กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 35 คน รัฐสภาเลือกจากบัญชีรายชื่อบุคคลผู้สมควรได้รับเลือก รับฟังรวบรวมความคิดเห็นจากประชาชนอย่างทั่วถึง รอบด้าน เป็นระบบ ทั้งนี้เนื้อหาได้เพิ่มมาตราใหม่ให้นำบทบัญญัติหมวด 1 ทั่วไปและหมวด 2 พระมหากษัตริย์ของรัฐธรรมนูญ 2560 มาบัญญัติไว้ไม่ให้แก้ไข และ กมธ.เพิ่มบท เฉพาะกาล รับรองการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้ ให้ถือเป็นการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญ หากมีรัฐธรรมนูญใหม่ เกิดขึ้นจริง อาจใช้เวลาเกือบ 2 ปีเศษ หวังจะนำไปสู่การเปิดประตูเพื่อปลดล็อกการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อยืนยันอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชนและเจตจำนงที่ยึดโยงกับประชาชนอีกครั้ง“รัชนีกร” อนาถใจผลาญงบฯหมื่นล้านจากนั้นเข้ามาตรา 3 ว่าด้วยการคัดเลือกที่ปรึกษาคณะ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว. กมธ.ผู้สงวนความเห็น อภิปรายว่า สมาชิกผู้ทรงเกียรติทำอะไรกันอยู่ เปิดประชุมวิสามัญเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ทั้งที่แก้รายมาตราได้แต่ไม่ทำมาใช้วิธีที่ต้องใช้งบฯเป็นหมื่นล้าน อนาถใจกับการเมืองแบบนี้ ทำไมเราไม่นำงบฯหมื่นล้านนี้มาแก้น้ำท่วม ทำไมไม่เปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อแก้ปัญหาสงคราม แต่นักการเมืองไทยยังมุ่งแก้รัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ มาตรา 3 ผู้ร่างรัฐธรรมนูญควรมาจากทั้ง สส.และ สว. สมาชิกรัฐสภาควรรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองกระทำไป ถ้าท่านอยากแก้ ต้องกล้ารับผิดชอบและกล้าเปิดหน้าอยากแก้ตรงไหน ไม่ต้องใช้ร่างทรงเพื่อไทยทวง ส.ส.ร.สกัดฮั้วทีมยกร่างไม่ยึด ปชช.จากนั้นจึงเข้าสู่การพิจารณาร่างมาตรา 4 (หรือ มาตรา 256/1 เดิม) ว่าด้วยองค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ กมธ.เสียงข้างมาก กำหนดให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน รัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของผู้สมัครได้รับเลือก และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน รัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลที่สมัครรับคัดเลือก มี กมธ.เสียงข้างน้อยสัดส่วนพรรคพท.ที่สงวนความเห็นปรับแก้ไขโดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาจากการเลือกตั้งแต่ละจังหวัด ให้เกิดกลไกเชื่อมโยงกับประชาชน เพื่อทำหน้าที่กำกับและลงมติต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการ พร้อมขอแก้ไขสูตร 20 หยิบ 1 ที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอเพราะจะเปิดช่องให้ฮั้วเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้ และจำเป็นต้องมีสมาชิกส.ส.ร.ที่มาจากทั้งการเลือกตั้งทางอ้อมและการแต่งตั้ง เพื่อให้ยึดโยงกับประชาชนเจ้าของอำนาจ เมื่อยกร่างเสร็จแล้วให้ประชาชนตัดสินใจทำประชามติ อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ กมธ.เสียงข้างน้อยฉะ 20 หยิบ 1 ชี้นำ–ผูกขาด–ครอบงำขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคพท. กมธ.ผู้สงวนความเห็น อภิปรายว่า เนื้อหาที่ กมธ.เสียงข้างมากกำหนดให้มีผู้เขียนรัฐธรรมนูญ 35 คนจากการเลือกของรัฐสภาด้วยสูตร 20 หยิบ 1 สุ่มเสี่ยงจะถูกครอบงำ ชี้นำมาตั้งแต่ต้น จึงเสนอให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญมาจากสัดส่วนภูมิภาค 20 คน และมาจากผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ 15 คน เพื่อป้องกันการผูกขาด ครอบงำ ของเสียงข้างมาก เพื่อมั่นใจว่า กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญมาจากทุกภาคส่วน จะป้องกันการครอบงำ ชี้นำ การฮั้ว เขียนรัฐธรรมนูญเอื้อเป็นสีใดสีหนึ่งได้ ด้าน น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อภิปรายว่า ขอให้มี ส.ส.ร. 151 คน มาจากแต่ละจังหวัด และรัฐสภาแต่งตั้งตามคุณสมบัติ กำกับและกลั่นกรองร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้ตัดการมีผู้สนับสนุนตอนสมัคร ที่เปิดช่องให้จัดตั้งทางการเมือง“นันทนา” จี้กลับมติ กมธ.หวั่น รธน.สีเทาจากนั้น น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.อภิปรายว่า เชื่อว่าประชาชนผิดหวังที่ กมธ.ตัดสิทธิประชาชนที่จะเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรงในคูหาเลือกตั้ง และกรณีให้รัฐสภาเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการสมัครกันเอง ขัดหลักการและบิดเบือนร่างแก้รัฐธรรมนูญของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ที่รัฐสภาลงมติรับให้เป็นร่างหลักพิจารณา เครือข่ายประชาชนเขียนรัฐธรรมนูญยื่นหนังสือเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภา กลับมติ กมธ.เสียงข้างมาก ให้มี ส.ส.ร.มาจากการเลือกของประชาชน ยังไม่เข็ดกับการเลือกกันเองแบบ สว.ที่เข้ามาเป็นแล้วไม่เคยทำเพื่อประโยชน์ประชาชน ข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญมุ่งเพื่อรักษาอำนาจพวกพ้องที่เสนอให้สว.อยู่ครบวาระ 5 ปี มีอำนาจแก้รัฐธรรมนูญไปเป็น สส. เป็นรัฐมนตรีได้ รัฐธรรมนูญกฎหมายสูงสุดของประเทศจะยอมให้กลุ่มฮั้ว ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์พวกพ้อง หากเป็นพวกเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ อาจได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับสีเทาได้“จิตติพจน์” ผวาเข้าทาง รธน.สีน้ำเงินนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อภิปรายว่า การใช้สูตร 20 หยิบ 1 มีปัญหาหากมีคนควบคุมได้ 18 กลุ่มจาก 35 กลุ่ม ควบคุมเบ็ดเสร็จ ใช้เสียงเพียง 198 เสียง เหตุผลการเลือกแบบกลุ่ม กลุ่มที่รวมตัวเหนียวแน่นหรือจัดการเป็นระบบ และมีกติกาเอื้อต่อการเลือก ควบคุมความเป็นไปของรัฐธรรมนูญได้เบ็ดเสร็จ หากมีพรรคหรือกลุ่มสีน้ำเงินมี สส. 100 คน สว.150 เสียง รวม 250 เสียง จะคุมได้ เลือกตั้งเที่ยวหน้ารัฐบาลเป็นสีน้ำเงินและ สว.สีน้ำเงินจะได้รัฐธรรมนูญสีน้ำเงินอย่างแท้จริงตามหลักประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญต้องเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง เมื่อใดที่มีรัฐธรรมนูญบิดเบี้ยว กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้เปรียบ รัฐธรรมนูญอยู่ไม่นาน“เท้ง” หนุนฟื้นสภาที่ปรึกษาร่าง รธน.ต่อมานายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายว่า ขอเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาสนับสนุนกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ยึดโยงกับประชาชน ผ่านการสนับสนุนความเห็นที่ กมธ.ของพรรค ปชน.สงวนไว้ ที่เสนอให้มีกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญและสภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อให้ยึดโยงประชาชนในกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่าให้ใครกินรวบผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือได้ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญที่ทำให้ประเทศไทยถอยหลัง เข้าใจในข้อจำกัดทางการเมืองและสภาพทางการเมืองที่เป็นจริง ทั้งเงื่อนไขใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ที่เห็นชอบวาระ 3 และเสียงฝ่ายค้าน 20% จึงต้องเป็นตรงกลางที่ทุกฝ่ายเห็นชอบและกรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ตอบเกินคำถาม ขอให้ฟังเสียงประชาชนว่าต้องการหรืออยากเห็นอะไรด้วยมติ 328 เสียงรัฐสภาตั้ง กมธ. 2 ชุดหลังการอภิปรายอย่างกว้างขวาง นานร่วม 3 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 13.30 น. นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา รองประธานรัฐสภา ขึ้นทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ให้ลงมติ ผลปรากฏว่ามติเสียงข้างมาก 328 เสียงเห็นด้วยกับการแก้ไขของกมธ.เสียงข้างมาก เสียงไม่เห็นด้วย 266 เสียงและงดออกเสียง 21 เสียง“อ๋อย” ซัดสูตรล็อกเปิดช่องพรรค–สว.ฮั้วจากนั้นเข้าสู่มาตรา 256/2 ขั้นตอนการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ กมธ.เสียงข้างมากเสนอให้ผู้ประสงค์สมัครต้องยื่นใบสมัครต่อ กกต. พร้อมหลักฐานการแสดงวิสัยทัศน์และรายชื่อผู้สนับสนุนไม่น้อยกว่า 100 คน ให้ กกต.ส่งรายชื่อไปยังรัฐสภาเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนตรวจสอบ นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.กมธ.เสียงข้างน้อยอภิปรายว่า แม้กลไกที่เสนอมองว่ามีผู้สมัครมากนับหมื่นคน แต่ความเป็นจริงพรรค การเมืองและ สว.มักเตรียมคนไว้แล้ว ทำให้ผู้สมัครจากประชาชนทั่วไปอาจมีน้อย เพราะรู้ผลล่วงหน้าว่าฝ่ายการเมืองจะเลือกใคร สูตร 20 หยิบ 1 เสี่ยงล้มเหลว ประชาชนทั่วไปไม่เห็นความหมายจะไปสมัคร ถ้าไม่ได้ถูกทาบทามมาก่อน ที่สุดทั้งกระบวนการซบเซา คนทั้งประเทศไม่มีส่วนร่วมจริง จึงเสนอให้แบ่งสัดส่วนผู้ร่างเป็น 2 ส่วน คือ 1.เลือกตั้งโดยประชาชน 2.รัฐสภาคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้เนื้อหามีมาตรฐานและรอบด้าน หากปล่อยให้เสียงข้างมากในรัฐสภากำกับทิศทาง อาจทำให้ร่างรัฐธรรมนูญขาดความหลากหลายและเป็นอิสระกมธ.มั่นคงเชิญนายกฯถกแก้ฟอกเงินนายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรค ปชน. ประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า วันที่ 11 ธ.ค. เวลา 09.30 น. กมธ.ความมั่นคงฯนัดประชุมจะพิจารณาศึกษาและติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชา ที่เชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ และกรณีการทำ MOU ระหว่างกระทรวงดีอีกับบริษัท ไพรม์ ออพพอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วีซีซี ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ กมธ.เชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ประธานกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เลขาธิการปปง. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผบช.สอท. และผบช.ตม.เข้าร่วม“เท้ง” ห่วงนายกฯกระหายสงครามที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกฯ ระบุอาจยุบสภาเร็วกว่ากำหนด ปูทางสร้างคะแนนนิยมให้พรรค ภท.หรือไม่ว่า ต้องถามนายกฯ เชื่อว่ายิ่งยุบสภาเร็วและตราบใดที่ทุกอย่างอยากเดินไปตามกรอบเอ็มโอเอที่ตกลงกันไว้ ไม่ใช่สิ่งที่เสียหายอะไร พรรค ปชน.ตรวจสอบประเด็นต่อประเด็น อย่างสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาได้บอกไปแล้วว่า น่าเป็นห่วงที่สุดคือท่าทีนายกฯที่ทำให้สายตานานาชาติมองว่าไทยเป็นประเทศที่รุกรานกระหายสงคราม สิ่งหนึ่งที่อยากได้ยินจากรัฐบาล โดยเฉพาะนายอนุทิน ต้องแสดงออกถึงทิศทางการบริหารสถานการณ์ ความขัดแย้งตามแนวชายแดน แต่นายกฯระบุว่าปิดทางเจรจาทุกช่องทาง ต่อไปนี้ใช้กำลังเต็มที่ โดยไม่รู้ว่าจุดจบจะไปอยู่ที่ตรงไหน คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้เมื่อถามว่าจะมีการยื่นซักฟอกหรือไม่ นายณัฐพงษ์ตอบว่า ต้องดูผลการพิจารณารัฐธรรมนูญวาระ 2-3 ถ้ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องสะดุดลง ไม่เป็นไปตามเอ็มโอเอ พร้อมจะยื่นตามมาตรา 151 ทันที นอกจากการอภิปรายแล้ว ต้องอยู่ที่การลงมติด้วย แต่เวลานั้นยังมาไม่ถึง ดังนั้นอย่าเพิ่งตั้งข้อสังเกตเกินเลยไปจากนี้ รอดูในสภาก่อน แล้วจะเห็นการทำหน้าที่ของเรากมธ. MOU ชงผลศึกษาเข้าสภา 19 ธ.ค.ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนาในฐานะคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวว่า ตนเป็นประธานคณะทำงานเขียนรายงานเกือบจะเสร็จแล้ว ตั้งใจว่าจะให้เสร็จวันที่ 17 ธ.ค. มีข้อสรุปทั้งเห็นด้วยให้ยกเลิกและไม่เห็นด้วย น้ำหนักใกล้เคียงกัน จึงใช้วิธีให้ กมธ.ให้ความเห็นบันทึกใครเห็นด้วยหรือไม่ และเข้าสู่สภาทั้งหมดเพื่อจะพิจารณาได้ทันวันที่ 19 ธ.ค.“ชัยวุฒิ” นำคนรุ่นใหม่เปิดพรรครักชาติเมื่อเวลา 14.00 น. ที่สามย่านมิตรทาวน์ (ลานด้านหน้าทิม ฮอร์ตันส์) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต รมว.ดีอี เปิดตัวพรรครักชาติ (รช.) พร้อมสโลแกน “เพราะรักชาติ ไม่ใช่แค่คำพูด” เปิดตัว 23 กรรมการบริหารพรรค มีนายชัยวุฒิเป็นหัวหน้าพรรค นายฐิติพันธุ์ เกยานนท์ บุตรชายพล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ อดีต ผบ.ทร. เป็นเลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิขึ้นเวทีโชว์วิสัยทัศน์ว่า ปัญหาการเมืองไทยวนเวียนอยู่ในอ่างกับคนเก่าหน้าเดิม วนเวียนอยู่กับตระกูลการเมือง ทำประเทศย่ำอยู่กับที่ เศรษฐกิจถดถอย จึงอยากมีพรรคการเมืองดีๆ ได้พลังคนรุ่นใหม่ที่รักชาติมาเปลี่ยนแปลงอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่