แนวรบชายแดนไทย–เขมร กองทัพไทยต้องเผด็จศึกให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เขมรแว้งกัดเราอีก ประชาชนจะได้นอนตาหลับ ได้ทำมาหากินด้วยความสงบสุขเสียที แนวรบด้านเศรษฐกิจไทยอ่วมหนัก รัฐบาลและฝ่ายค้านสนใจเรื่องการเลือกตั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่าเรื่องปากท้องเศรษฐกิจไทยที่กำลังป่วยหนัก ผมลองเอาตัวเลขจีดีพีไทยย้อนหลังตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปี 2568 ที่คาดว่าจะเติบโต 2.0% มาบวกลบคูณหารแล้วก็ต้องตกตะลึง จีดีพีเฉลี่ย 7 ปี ติดลบ 0.96% แต่หนี้สินกลับพอกพูนเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ ยุค คสช.ลุงตู่ครองอำนาจ เป็นต้นมา จีดีพีไทยไม่เคยโตมากกว่า 2.6% ปีนี้คาดว่าจะโต 2.0% ปีหน้าหดเหลือ 1.6-1.7% คนไทยมีแต่จนลง ทำให้มีหนี้เพิ่มขึ้นดร.ฟรันติเชค รูชิกคา รองเลขาธิการ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่ไทยกำลังจะเข้าเป็นสมาชิก ร่วมกับ คุณดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์แถลงผลการสำรวจเศรษฐกิจไทย “OECD Economic Surveys : Thailand 2025” สองวันก่อน ซึ่งเป็นรายงานฉบับแรกที่ OECD ทำขึ้นหลังจากไทยได้รับสถานะเป็นประเทศผู้สมัครเป็นสมาชิก OECD อย่างเป็นทางการ ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเผชิญกับภาวะผลิตภาพที่ชะลอตัว สะท้อนถึง “ความจำเป็นในการปฏิรูป” และคาดว่าจีดีพีไทยปี 2568 จะเติบโต 2.0% ปีหน้า 2569 จะชะลอลงมาที่ 1.5% ก่อนฟื้นตัวขึ้น 2.6% ในปี 2570แต่ตัวเลขที่น่ากลัวที่สุดจากการสำรวจของ OECD ก็คือ หนี้OECD ระบุว่า ความเสี่ยงที่น่ากังวลที่สุดของไทยคือ “หนี้ภาคเอกชน” ที่อยู่ในระดับสูง หนี้ครัวเรือนและหนี้ภาคธุรกิจรวมกันสูงถึงประมาณ 160% ของจีดีพี (ถ้ารวมหนี้รัฐบาลอีก 65% ก็จะมีหนี้สูงถึง 225% ของจีดีพี น่าตกใจนะครับ) ซึ่งเป็นระดับสูงใกล้เคียงกับมาเลเซีย (ประมาณ 157%) และสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย (40%) อย่างมีนัยสำคัญ ดร.รูชิกคา ได้เสนอแนะเชิงนโยบาย 4 ข้อ เพื่อให้ไทยสามารถสร้างรากฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และรับมือกับความท้าทายในอนาคตผมดู ข้อเสนอแนะ 4 ข้อของ OECD แล้ว ก็ไม่ได้แตกต่างจากข้อเสนอของภาคเอกชนไทยนักวิชาการนักเศรษฐศาสตร์ไทย ที่เสนอมาเป็นสิบปีแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล ทุกรัฐบาลล้วนมีผลประโยชน์ซ่อนเร้น มีนักการเมืองสีเทาเป็นรัฐมนตรี มีเส้นทางเชื่อมโยงกับนักธุรกิจที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย อย่างที่เห็นเป็นข่าวอยู่ทุกวันข้อแรก OECD เสนอให้รัฐบาลไทย “ปฏิรูปการคลังอย่างจริงจัง” เช่น เพิ่มอายุเกษียณเพื่อยืดระยะเวลาการส่งเสริมสมทบและลดภาระการคลัง ขยายรากฐานภาษี เพื่อดึงบุคคลธรรมดาเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพื่อเพิ่มรายได้รัฐ หนี้สาธารณะไทยใกล้ชนเพดาน 70% แล้ว ขณะที่แรงกดดันด้านรายจ่ายเพิ่มขึ้น จากการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว แต่รายได้ภาษีของไทยยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 17% ของจีดีพี เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศ OECD ที่ 34% ต่างกันเท่าตัวข้อสอง เร่งเพิ่มผลิตภาพการผลิตด้วยการ ปฏิรูปกฎระเบียบที่ยังไม่เอื้อต่อการแข่งขัน (ซึ่งเป็นช่องทางหากินของนักการเมือง ข้าราชการในแต่ละกระทรวง) ข้อสาม จัดการ ปัญหาแรงงานนอกระบบที่มีสัดส่วนสูงถึง 63% โดยยกระดับการศึกษาและทักษะแรงงาน ข้อสี่ พัฒนาระบบเตือนภัยและจัดการภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะภัยพิบัติสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยถึงปีละ 0.7% ของจีดีพีปัญหาเหล่านี้ ทำให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำเตี้ยมาตลอด ซึ่งผมได้เขียนไปแล้ว คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ก็ออกมาเตือนเช่นเดียวกัน โมเดลเศรษฐกิจธุรกิจและอุตสาหกรรมของไทยที่ทำอยู่ มีมูลค่าเพิ่มต่ำและมีกำไรน้อยมาก หากจะไปถึงประเทศที่มีรายได้สูงอาจต้องใช้เวลา 30–40 ปี หากจีดีพีไทยยังรั้งท้ายอาเซียนขยายตัวไม่ถึง 2% อย่างนี้ เราจะลำบากแน่นอน นี่เป็น “อีกโจทย์ใหญ่” สำหรับ “คนไทย” ที่จะ “เลือกตั้งรัฐบาลใหม่” ในต้นปีหน้า คุณจะเลือกอนาคตของคุณแบบไหน.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม