“ให้มันจบในรุ่นเรา” ประโยคฮิตที่ได้ยินกันหนาหูยามนี้ อารมณ์ชาตินิยมมาโดยธรรมชาติของประชาชนคนไทยที่อยู่ในอาการแค้นปนสะใจกับการเปิดแนวรบชายแดนไทย-กัมพูชา เรียกร้องรัฐบาลไทยสนับสนุนกองทัพลุยถล่มศัตรูคู่อาฆาตแบบไม่ต้องสนอะไร ไม่ต้องเจรจาหยุดยิงยึกๆยักๆ เอาให้มันจบๆจะได้ไม่ต้องอพยพวุ่นวายเสียงเชียร์จัดหนักเขมรให้สิ้นซาก ตรงกับ พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ที่พูดเสียงดังฟังชัด การรบรอบนี้เป้าหมายทำให้กองทัพกัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานเรา สอดคล้องกับยุทธการล็อกเป้าหมาย ถล่มฐานที่มั่นทางทหารกัมพูชาราบเป็นหน้ากลองมาถึงตรงนี้หยุดยิงไม่ได้แล้ว แนวโน้มสถานการณ์แบบที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ปฏิเสธกระแสข่าวไม่มีการสั่งกองทัพหยุดยิงเพื่อเจรจาแน่นอน ย้ำชัดๆด้วยการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นภาษาอังกฤษ NO CEASEFIRE ยืนยันแนวทางจุดยืนไทยให้นานาชาติได้รับรู้กันทั่วสงครามยืดเยื้อแน่ ตามเงื่อนไขสถานการณ์แนวรบชายแดนไทย-กัมพูชารอบนี้ ยังไม่มีเค้าว่าจะไปสิ้นสุดตอนไหน โอกาสลากยาวหลายเดือนหรือเป็นปี นั่นหมายถึงประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ชาวบ้านตามแนวชายแดนนับแสนคนต้องอพยพหนีการสู้รบมาอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ทิ้งเรือกสวน ไร่นา ทำมาหากินไม่ได้ตามปกติ จะใช้ชีวิตกันยังไงไม่ต้องไปไกลเอาแค่เฉพาะหน้า อากาศเย็นในฤดูหนาวน่าจะเป็นอุปสรรคสำคัญกับผู้อพยพที่หนีการสู้รบแบบฉุกละหุก มีคนจำนวนมากไม่ได้เก็บของใช้ส่วนตัว ขาดแคลนเครื่องห่มกันหนาว ทั้งเสื้อกันหนาว ผ้าห่ม สภาพต้องนอนอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ที่โล่งลมพัดยิ่งหนาว เด็กและผู้สูงอายุที่สุขภาพไม่แข็งแรง ป่วยเป็นไข้ได้ง่ายๆนั่นยังไม่ต้องพูดถึงอาหารการกิน ผู้อพยพเรือนแสนต้องใช้ข้าวกล่อง น้ำดื่ม ปริมาณมหาศาล ช่วงสัปดาห์แรกๆยังไม่มีปัญหา เพราะมีจิตอาสา ภาคเอกชน ร่วมด้วยช่วยบริจาค แต่หากสถานการณ์สู้รบติดพันระยะยาวเป็นเดือนหรือเป็นปี รัฐบาลได้เตรียมรับปัญหาตรงนี้ไว้แล้วหรือยัง พร้อมแค่ไหน ในเมื่อชาวบ้านทำมาหากินไม่ได้เห็นแต่เน้นลุยรบให้สิ้นซาก แต่หน่วยงานรัฐบาลที่รับผิดชอบโดยตรงต่อสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของผู้อพยพ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ยังไม่เห็นหน้างานสักเท่าไหร่ มีแต่ภาคเอกชนอย่าง นายเนวิน ชิดชอบ ผู้มีบารมีของรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ที่เปิดสนามกีฬาเป็นศูนย์อพยพ จัดเต็มแบบครบวงจร แต่นั่นก็แค่ที่บุรีรัมย์จังหวัดเดียว.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม