ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ได้มีมติให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ทำหนังสือถึงโรงเรียนเอกชนในระบบทั่วประเทศให้สรุปค่าธรรมเนียมการศึกษาที่เป็นค่าบริการที่ไม่เกิดขึ้นจริง เพื่อสรุปรายการค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายคืนผู้ปกครอง เนื่องจากตลอดเดือน ม.ค.นี้ไม่มีการจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียนนั้นดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการ กช. กล่าวว่า โรงเรียนต่างๆได้เริ่มทยอยส่งรายงานการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมมาให้ สช.แล้ว โดยอยู่ระหว่างการจัดแยกหมวดหมู่ของโรงเรียน เป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มโรงเรียนที่รับเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัว แต่ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา เช่น โรงเรียนการกุศล โรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ และโรงเรียนการศึกษาพิเศษ 2.กลุ่มโรงเรียนที่รับเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัว และเก็บเงินค่าธรรมเนียมการศึกษาอื่นๆ มีอยู่ประมาณ 2,000 กว่าแห่ง ถือว่ามีมากที่สุด และ 3.กลุ่มโรงเรียนที่ไม่รับเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัว แต่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา เช่น โรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนประเภทสามัญในระบบที่ไม่รับเงินอุดหนุน หลังจากแยกกลุ่มเสร็จแล้วจะตรวจสอบรายละเอียด หากมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงเกินจริง หรือซ้ำซ้อนจะให้โรงเรียนชี้แจง“เท่าที่ตรวจสอบในเบื้องต้นกลุ่มที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษาที่สูงมากคือ กลุ่มโรงเรียนประเภทโรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนสามัญที่ไม่รับเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัว ซึ่งมีประมาณ 10% โดย สช.ต้องเรียกมาชี้แจงเพื่อตอบสังคมให้ได้ เช่น ค่าอาหารเด็กนักเรียนชั้นเตรียมอนุบาลสูงถึงคนละ 90,000 บาทต่อปี แถมยังมีค่าอาหารว่างอีกคนละ 38,000 บาทต่อปี และบางแห่งมีการเก็บค่าประกันอุบัติเหตุ หรือประกันสุขภาพนักเรียนคนละ 500,000 บาท ขณะที่ยังมีโรงเรียนสามัญที่รับเงินอุดหนุนจากรัฐบางแห่งที่เก็บค่าธรรมเนียมค่อนข้างสูง และแจกแจงไม่ได้ เช่น เก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้า หรือค่าบำรุงอาคารสถานที่แล้วยังไปเก็บค่าแอร์อีก หรือบางรายการน่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการศึกษาที่รัฐจัดสรรให้ไปแล้ว หรือบางแห่งใช้คำว่าค่าธรรมเนียมอื่นๆ ไม่บอกว่าค่าอะไรบ้าง โดย สช.จะตั้งคณะทำงานพิจารณาแก้ไขระเบียบเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวเพื่อการศึกษาให้มีความชัดเจนว่า เรื่องใดที่โรงเรียนเก็บได้หรือเก็บไม่ได้ เพื่อให้มีมาตรฐานในทางปฏิบัติที่ชัดเจน หากไม่สมเหตุสมผลก็ต้องสั่งให้โรงเรียนคืนให้ผู้ปกครอง” เลขาธิการ กช.กล่าว