เลขาธิการ ป.ป.ท. รับลูก ออกหนังสือสั่งหน่วยงานในสังกัดประสานทุกฝ่ายในคดี “บอส-วรยุทธ” ส่งข้อมูลมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) แถลงจี้ “บิ๊กตู่” เปิดเผยรายชื่อผู้เกี่ยวข้องให้สังคมรับรู้ ด้าน “อรรถพล ใหญ่สว่าง” ประธาน ก.อ. ปฏิเสธลั่นไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าวพนักงานอัยการในคดีหนีออกนอกประเทศสังคมยังต้องเกาะติดกับคดีที่ท้าทายต่อกระบวน การยุติธรรมของประเทศ ทั้งในส่วนขององค์กรตำรวจ และอัยการ หลังมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีบอส-วรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถสปอร์ตหรูชนรถ จยย.ที่มี ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ทองหล่อ เป็นผู้ขับขี่ เสียชีวิตบนถนนสุขุมวิท เหตุเกิดเมื่อปี 55 โดยที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่ทำความเห็นแย้ง ต่อมาสำนักข่าวต่างประเทศเกือบทุกสำนักพร้อมใจเสนอข่าวอย่างครึกโครม จนเป็นที่มาของการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของตำรวจ อัยการ รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแต่งตั้งนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ข้อสรุปเป็นการทำคดีโดยมิชอบ ต้องเร่งรื้อฟื้นคดีแจ้งข้อหาเพิ่มและดำเนินคดีในข้อหาที่ยังไม่ขาดอายุความ รวมทั้งดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ อัยการ ทนายความ โดยมีสำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรม สอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมรับลูกตรวจสอบเอาผิดความคืบหน้า เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.40 น.วันที่ 4 ก.ย. พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการป.ป.ท. เปิดเผยถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุจะให้ ป.ป.ท. ป.ป.ช. และดีเอสไอ ดำเนินการเอาผิดผู้เกี่ยวข้องกับคดีบอส-วรยุทธ ว่า ป.ป.ท.เตรียมดำเนินการตามที่นายวิษณุสั่งการ ขณะนี้มีคำสั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ป.ป.ท. ออกหนังสือไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอข้อมูลต่างๆในคดีนี้มาตรวจสอบตามขั้นตอน จากนั้นจะสรุปผลทั้งหมดให้กับนายวิษณุ เพื่อดำเนินการต่อตามขั้นตอนที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ได้กล่าวถึงกรณีมีสื่อเสนอข่าวทำนองตนเป็นผู้ให้สัมภาษณ์มีพนักงานอัยการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็วในคดีบอส-วรยุทธ ได้เดินทางออกนอกประเทศไปเเล้วว่าภายหลังจากที่มีการนำเสนอข่าวดังกล่าว ปรากฏว่ามีพนักงานอัยการโทรศัพท์เข้ามาสอบถามว่า พนักงานอัยการคนดังกล่าวเป็นใคร และเดินทางหนีออกนอกประเทศไปเเล้วจริงหรือไม่“ผมขอยืนยันข่าวที่ออกไปไม่เป็นความจริงคือ 1.ผมไม่เคยไปให้สัมภาษณ์ถ้อยคำหรือข้อความดังกล่าว 2.ผมไม่ทราบเเละไม่รู้จักว่าพนักงานอัยการที่ถูกกล่าวอ้างเป็นใครเเละเมื่อทราบว่ามีสำนักข่าวที่มีชื่อเรื่องสืบสวนสอบสวนเเห่งหนึ่งได้รายงานข่าวว่าได้สัมภาษณ์ผม เมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามนักข่าวอาวุโสคนหนึ่งซึ่งมีตำเเหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวเเห่งนั้นเเละต่อว่าในการนำเสนอข่าวที่ไม่เป็นความจริง โดยผู้อำนวยการสำนักข่าวดังกล่าวยอมรับว่าข่าวดังกล่าวไม่มีต้นตอที่น่าเชื่อถือ เเละจะดำเนินการลบข่าวให้ ผมจึงต้องออกมาชี้เเจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวเท็จ” นายอรรถพลกล่าววันเดียวกัน สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) ที่มีนายคณิต ณ นคร ประธานที่ปรึกษา ออกแถลงการณ์เรื่องขอให้นายกรัฐมนตรีเปิดเผยรายชื่อผู้เกี่ยวข้องร่วมกระทำผิดกรณีการสอบสวนล้มคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา และเร่งดำเนินการปฏิรูปตำรวจ รวมทั้งงานสอบสวนและนิติวิทยาศาสตร์ให้มีมาตรฐานสากล ป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ มีใจความสรุปว่า เนื่องจากการแถลงข่าวประกอบเอกสารที่เผยแพร่ผลการตรวจสอบคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หาตัวเจ้าพนักงานของรัฐผู้ร่วมกระทำผิดในคดีนี้ ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน แม้จะมีการยืนยันถึงการกระทำผิดของตำรวจผู้ใหญ่ พนักงานสอบสวน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทนายความและพนักงานอัยการ ว่าร่วมกันทำเป็นขบวนการและเสนอให้มีการดำเนินคดีอาญาและวินัยร้ายแรงกับข้าราชการและผู้เกี่ยวข้องทุกคน แต่กลับไม่มีความชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนได้ทราบว่า มีใครบ้างเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดที่สร้างความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมของชาติอย่างร้ายแรง จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการดังนี้1.เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบดังกล่าวให้ประชาชนได้ทราบว่า บุคคลทั้ง 8 กลุ่มที่ถูกระบุว่าร่วมกันกระทำความผิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมีผู้ใดบ้าง แต่ละคนมีตำแหน่งหน้าที่อะไรและมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดอาญาหรือวินัยร้ายแรงอย่างไร2.สั่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เป็นผู้รับผิดชอบการสอบสวนคดีนี้และรีบดำเนินการออกหมายเรียกผู้ที่มีหลักฐานการกระทำผิดตามรายงานดังกล่าวเป็นผู้ต้องหา หรือเสนอศาลออกหมายจับและรีบจับตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย3.ใช้อำนาจทางการบริหารดำเนินการทางปกครองในเบื้องต้นทันที โดยสั่งให้ผู้ร่วมกระทำผิดที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐทุกคนออกจากราชการไว้ก่อน หรือพักราชการ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น 4.เร่งดำเนินการปฏิรูปตำรวจ งานสอบสวนและงานนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อป้องกันการทุจริตบิดเบือนคดีหรือประพฤติมิชอบให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล