เดิมทรัมป์ขู่เก็บภาษีศุลกากรจากญี่ปุ่นที่ส่งเข้าไปขายในสหรัฐฯร้อยละ 25 แค่ขู่ยังทำให้ยอดส่งออกรถยนต์ของญี่ปุ่นที่ส่งไปขายสหรัฐฯลดลง เช่น เดือนกันยายน 2025 ลดลงร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งที่ปัจจุบันสินค้าญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่ส่งไปสหรัฐฯ ยังคงเสียภาษีศุลกากรแค่ร้อยละ 15จากมาเลเซีย ทรัมป์ไปญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นทรัมป์ไม่ต้องอาบน้ำ เพราะนางซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่นเลียทรัมป์ จนมันแผล็บไปทั้งตัว เริ่มด้วยการลอกการบ้าน พลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาว่าญี่ปุ่นจะเสนอชื่อทรัมป์ให้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ปีถัดไปทั้งทรัมป์และทาคาอิจิพูดว่า อ้า ปัจจุบันคือ “ยุคทอง” ของการเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯกับญี่ปุ่น ทรัมป์ยืนยันว่าสหรัฐฯจะเก็บภาษีศุลกากรญี่ปุ่นเพียงร้อยละ 15 ทาคาอิจิบอกว่า อ้า ถ้างั้น ญี่ปุ่นจะตั้งกองทุน 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เอาไปลงทุนในสหรัฐฯ (เงินไทยคือ 20 ล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณประเทศไทย 5.3 เท่า งบประมาณไทย ค.ศ.2026 อยู่ที่ 3.78 ล้านล้านบาท)ทาคาอิจิรู้ซึ่งถึงสิ่งที่อยู่ใต้สมองของทรัมป์ ว่าทรัมป์ต้องการให้พันธมิตรเพิ่มงบกลาโหม เพื่อเอาไว้ใช้สู้กับจีนและรัสเซีย เมื่อเดือนมิถุนายน 2025 ทรัมป์ขอให้พวกชาติสมาชิกนาโตเพิ่มร้อยละ 5 ทำให้บางประเทศรับไม่ไหว ทาคาอิจิจึงดักคอไว้ก่อนว่า อ้า ญี่ปุ่นของข้าพเจ้าจะเพิ่มงบกลาโหมให้สูงขึ้นเป็นร้อยละ 2 ของจีดีพีภายในปีนี้ (เดิมกำหนดไว้อีก 2 ปีข้างหน้า)ค.ศ.2025 ญี่ปุ่นใช้งบกลาโหมและความมั่นคง 9.9 ล้านล้านเยน หรือ 2.38 ล้านล้านบาท การที่ต้องเพิ่มถึงร้อยละ 2 ของจีดีพี ทำให้ญี่ปุ่นต้องเจียดสตางค์ในเรื่องนี้มากถึง 3.08 ล้านล้านบาท (แต่ก็ยังดีกว่าทำตามที่ทรัมป์ต้องการซึ่งเป็นเงินถึง 7.7 ล้านล้านบาท) ต้องยอมรับครับว่า ไหวพริบของทาคาอิจิดีพอสมควร ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติทรัมป์เมตตากรุณาอนุเคราะห์ผู้นำบางประเทศที่ตนไปเยือนให้มีวาสนาก้น ด้วยการเชิญนั่งพาหนะประจำตำแหน่ง ตอนไปเยือนมาเลเซีย ทรัมป์มอบโอกาสให้ก้นของอันวาร์ บิน อิบราฮิม สัมผัสเบาะลีมูซีนประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เรียกว่า The Beast จากสนามบินไปงานประชุมในกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่ญี่ปุ่น ทรัมป์เชิญทาคาอิจินั่งเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯไปยังเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน ที่ฐานทัพสหรัฐฯในโยโกสุกะทรัมป์ปราศรัยกับทหารอเมริกันนาน 1 ชั่วโมง แกโม้เรื่องศัตรูทางการเมือง ความมั่นคงประเทศ และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทรัมป์ชอบออกคำสั่งดักไว้ก่อน (ได้หรือไม่ได้ก็ช่างมัน) ด้วยการโม้กับทหารอเมริกันที่โยโกสุกะว่าโตโยต้า มอเตอร์ จะไปลงทุนผลิตรถยนต์ ในสหรัฐฯ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3.65 แสนล้านบาท) ออกจากญี่ปุ่น ทรัมป์ไปเกาหลีใต้ พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯอีกประเทศหนึ่งซึ่งใช้ล้อมประเทศภัยคุกคามด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งคือจีนกับรัสเซียในทวีปยุโรป สหรัฐฯก็ใช้อูเครนและชาตินาโตอีก 32 ประเทศ ล้อมรัสเซีย ในทวีปเอเชีย สหรัฐฯใช้ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวันล้อมจีน ตอนนี้ทรัมป์ก็ออกไปตกเขียวพันธมิตรเพิ่มเติมอย่างมาเลเซีย กัมพูชา และไทยฟิลิปปินส์เป็นหมูในอวยของสหรัฐฯอยู่แล้ว ในอนาคตหากมีสงครามใหญ่ ประเทศเหล่านี้ก็จะถูกบังคับกลายๆให้เลือกข้าง และแน่นอนครับ ประเทศที่ผมเอ่ยมาทั้งหมดก็ต้องเลือกอยู่ข้างสหรัฐฯนอกจากสมาชิกนาโตและประเทศในเอเชียตะวันออกไกลแล้ว สหรัฐฯก็ยังมีอีก 2 ประเทศคอยเสริมอยู่ทางใต้คือออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ยังไม่รวมถึงพวกประเทศทางเอเชียตะวันตกที่ในทางภูมิรัฐศาสตร์เรียกกันว่าตะวันออกกลาง ซึ่งครอบคลุมซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ บาห์เรน คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล และจอร์แดน พวกนี้เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯมายาวนานจีน รัสเซีย อินเดีย บราซิล และแอฟริกาใต้ สร้างขั้วใหม่เพื่อไม่ให้โลกทั้งใบอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหรัฐฯเพียงประเทศเดียวสหรัฐฯยอมให้มีมหาอำนาจหลายขั้วไม่ได้ จึงต้องกำจัดประเทศเหล่านี้ก่อนที่โตมาเป็นหนามตำตีน ด้วยการหาพันธมิตรเพิ่ม.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม