เปิดโลกพระเอกหนุ่มฮอต “เจมส์ มาร์” กับความท้าทายครั้งใหม่ที่ฉีกกรอบเดิมในภาพยนตร์เรื่อง “นาคบรรพ์” ตำนานพญานาคฟอร์มยักษ์แนวทริลเลอร์-แฟนตาซี จับคู่นางเอกใหม่ นีญ่า-มากีลา ลูกครึ่งไทย-ฟินแลนด์ วัย 15 ปี และนักแสดงยอดฝีมือ นก-สินจัย เปล่งพานิช ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกจากผู้สร้าง P.S. PERFOR MANCE โดยทีมผลิต S CLASS ENTERTAIN MENT และ DEVA ART THEATER STUDIO โดย 2 ผู้กำกับ โชคอนันต์ สกุลธรรม และ ธรณ์วิสช์ วุฒิเลาหพันธ์ พร้อมทีมสร้างสเปเชียลเอฟเฟกต์จาก Fatcat Studios เปิดจักรวาลนาคราชแห่งภาคตะวันออก เข้าฉาย 27 ก.พ.นี้ ในโรงภาพยนตร์ ทั่วประเทศ งานนี้ เจมส์ ต้องลุกขึ้นมาเดือด! ชวน “เจมส์” มาคุย เริ่มจาก...บทบาทสุดท้าทายในเรื่องนี้?“ผมรับบทเป็น “ธารินทร์” หนุ่มเสรีไทยไฟแรงที่มีอุดมการณ์คือการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาติไทย มาทำภารกิจสืบราชการในครอบครัวคหบดีที่ทำงานให้กองทัพญี่ปุ่น และได้เจอกับ “จินตา” ที่รับบทโดยน้องนีญ่า หญิงสาวที่เกิดในคืนจันทร์แดง และนำมาสู่เรื่องราวการตายปริศนาของคนในครอบครัว ถ้าพูดถึงในความเป็นสปาย ก็คือเป็นสปายที่สุดยอดที่สุดของกลุ่มเสรีไทย เป็นคนที่ไม่ห่วงชีวิตคิดถึงแค่หน้าที่การงาน แล้วก็เป็นคนที่ฉลาดมากๆ คือรู้วิธีการเข้ากับทุกคนแล้วก็ได้ข้อมูลที่เค้าต้องการมา” บทนี้ปลุกเอเนอร์จีในตัวเจมส์เยอะมั้ย?“เยอะครับ ด้วยความที่ว่าภาพยนตร์เล่าด้วยภาพเยอะแล้วเล่าน้อยกว่าละคร ภาพยนตร์อาจจะเล่าซีนที่สำคัญเลยโดยที่ไม่ได้เล่าก่อนหน้านี้ ตัวละครเราก็ต้องมีการทำการบ้านก่อนเยอะ คือในหัวเรามีอะไรที่ไม่ได้เล่าให้คนดูอีกเยอะกว่าจะมาถึงซีนนึง”การเล่นจินตนาการกับ CG เป็นยังไง?“อันนี้ยากเลย ต้องบอกว่าเป็นชาเลนจ์จริงๆคือตัวละครเราสร้างขึ้นมาได้แต่พอต้องเล่าให้ชัด ต้องทำงานกับ CG กับสิ่งที่เรามองไม่เห็นคือจินตนาการต้องได้ พลังงานต้องถึง แล้วต้องทำงานตรงจังหวะกับกล้องด้วย บางเทกเล่นเป็น 10-20 เทกก็มี ที่สำคัญ CG เรื่องนี้มันอลังการมาก ต้องเล่นให้ถึงกับสิ่งที่คนดูจะได้เห็น”พูดถึงพญานาค เจมส์มีความเชื่อหรือมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แค่ไหน?“ถ้าพูดถึงความเชื่อ เชื่อ 100% เพราะเป็นคนที่เชื่อทุกอย่าง ใครให้ไปไหว้ที่ไหนเราก็ไปหมด ผมเป็นคนชอบไหว้พระ คือใครที่มีความเชื่ออะไรก็ตามเราก็จะอยากได้ไปไหว้ด้วยถ้าเรามีโอกาส เป็นคนที่ชอบเปิดรับกับอะไรใหม่ๆ ส่วนเรื่องความรู้เนี่ยอาจจะไม่ได้เยอะมาก เราก็รับรู้ว่าองค์พญานาคมีเรื่องเล่ายังไงซึ่งก็เพิ่งได้มาเรียนรู้มากขึ้นกับภาพยนตร์เรื่องนี้”เรื่องนี้เป็นการนำเสนอนาคจากภาคตะวันออกด้วย?“ถูกต้อง เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเค้ามีองค์พญานาคในหลายๆภาค อย่างของเราเป็นภาคตะวันออกก็คือพูดถึงเรื่องขององค์เพชรภัทรนาคราช ซึ่งมีเสน่ห์มาก ธีมของเรื่องนี้คือเรื่องของความรัก บ่วงกรรมแล้วก็มีเรื่องของหน้าที่การงาน เพราะฉะนั้นมันเป็นการเปิดหูเปิดตากับสิ่งใหม่ๆ ทุกอย่างมันว้าวไปหมดเลย อย่างที่บอกเราเป็นคนเชื่อง่าย เราก็เปิดรับหมด พอเรายิ่งเชื่อ พอเล่นก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างไหลลื่นขึ้น” ระหว่างการถ่ายทำมีอะไรที่ทำให้รู้สึกมหัศจรรย์มั้ย?“ถ้าพูดถึงก็คือฝนฟ้าอากาศไม่ตกเลยแล้วถ่ายในช่วงหน้าฝน ถ่ายที่กรุงเทพฯ ราชบุรี นครปฐม จำได้ว่ามีวันนึงไม่รู้ว่าเกี่ยวหรือเปล่านะ ผมยืนอยู่มองไปผมเห็นก้อนเมฆนะก้อนเมฆกำลังครึ้มมาเลย แต่ฝนไม่ตก พอปิดถ่ายเสร็จปุ๊บฝนตกเลย”เรื่องนี้จะได้เห็นเจมส์มิติใหม่ในพาร์ตการเป็นนักแสดง?“อันดับแรกคนดูจะได้เห็นผมกลับมาเล่นพีเรียดอีกรอบนึง ถ้าในเชิงการแสดงก็ได้เห็นคาแรกเตอร์ที่ไม่เคยเห็น ไม่ได้ดีไม่ได้ร้าย ค่อนข้างลึกลับ คนดูอาจจะได้เห็นว่าเอ๊ะ ตกลงเป็นใครเป็น อะไร อยากให้ทุกคนติดตามว่าจริงๆเส้นเรื่องของพญานาคจะมาเจอกับเส้นเรื่องของคนได้ยังไง อยากฝากภาพยนตร์ เรื่อง นาคบรรพ์ เป็นแนวระทึกขวัญ ผมว่าเรื่องนี้ทำถึง มีเรื่องเล่าขององค์พญานาคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพราะฉะนั้นบันเทิงแน่ๆ ดราม่าแน่ๆ แล้วอยากให้ทุกคนได้ดู”ช่วงเวลา 13 ปีของเจมส์มาร์กับเส้นทางอาชีพนักแสดง เห็นตัวเองเติบโตยังไงบ้าง?“มันผ่านไปเร็วมากเลยนะครับ แสดงว่าเป็นเรื่องดีเพราะเรามีความสุข ในฐานะนักแสดงการทำงานแต่ละเรื่องยังเหมือนเดิมคือผมมองทุกเรื่องเหมือนเป็นเรื่องแรก กระบวน การหาตัวละครมันเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนเพราะมีประสบการณ์ เราก็มี Work Life Balance ที่ดีขึ้น เรารู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร ถนัดหรือไม่ถนัดอะไรมากขึ้น และเราทำสิ่งไหนแล้วมีความสุข ถ้าพูดถึงในมุมของการทำงานก็ได้ลองสิ่งใหม่ๆมากขึ้น ทำช่อง YouTube งานนอกเหนือจากงาน อีเวนต์ งานเดินทางไปเที่ยว ไปตีกอล์ฟ สมัยก่อนเป็นคนคิดเยอะอย่างนั้นอย่างนี้ ถึงจุดหนึ่งแล้วรู้สึกว่าคิดเยอะไปก็ไม่ดี คนเลยได้เห็นภาพผมมากขึ้นในโซเชียล แต่ก็ยังน้อยอยู่ดีนะ ผมว่าเดี๋ยวนี้คนเค้าสนใจในที่เราเป็นเราจริงๆ ก็ทำให้ได้ใกล้กับแฟนๆมากขึ้น”ภาพความเป็น “เจมส์ มาร์” คือบุคคลที่เติบโตตามสเต็ป ไม่ชอบแบบพุ่งเร็ว?“ไม่ค่อยครับ เพราะเราเป็นคนที่เดินจาก 1-10 มาตลอด แล้วเราก็แฮปปี้กับการเดินแบบนั้น สมมติเราไปตั้งใจให้เร็วมากหรือไปช้ามาก เราก็จะมีความกลัว วิตกกังวล ไม่ค่อยปลอดภัย บางคนเค้าก็ชอบแบบนั้นมันไม่มีผิดไม่มีถูกเลย แต่สำหรับเราสบายใจที่จะเดินในเส้นทางแบบนี้ไปเรื่อยๆแล้วก็รู้สึกปลอดภัย” อีกพาร์ตหนึ่งของเจมส์ มาร์ ที่คนจดจำคือเป็นแฟนที่น่ารักของ พาย-รินลดา?“รู้สึกดีใจนะครับ ขอบคุณ รู้สึกดีใจที่ทุกคนเห็นแล้วก็ชื่นชอบหรือจะแซวก็ได้คือผมก็รับหมดแหละครับ แต่มันเป็นเราในแบบที่เราเป็นจริงๆเพราะผมชอบบอกว่ากว่าผมจะมีวันนี้ได้ กว่าจะเจอเค้ามันใช้เวลานานมาก เพราะฉะนั้นในเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เราก็อยากจะใช้เวลาให้ได้ดีที่สุด สไตล์ของเราอาจจะไม่ได้หวานมากแต่มันสม่ำเสมอ หวานมินิมอล เค้าชอบทำอะไร เราก็ทำ เราชอบทำอะไรเค้าก็ทำด้วย”เวลาคนแซวมุมคลั่งรักว่า “เจมส์ มาร์ ไม่ควรมีคนเดียวในโลก” เขินมั้ย?“ดีใจ เขินครับ คือแสดงว่าเราคงทำอะไรถูกต้องโอเคแหละที่ทำให้ทุกคนเห็นจุดตรงนี้ แต่สุดท้ายพายเค้าแฮปปี้ เราก็พอใจแล้ว”พายเป็นคนโรแมนติกมั้ย?“ผมจะบอกว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่เห็นในสิ่งที่เค้าทำให้ผมในมุมของคนเป็นแฟน ก็เหมือนผมเลย ยกตัวอย่างไปตีกอล์ฟเค้าก็มาตีกับผม ผมชอบเล่นเกม เค้าก็นั่งเล่นเกมเป็นเพื่อนมีความเป็นเพื่อนสูง มันไม่ได้หวานอย่างเดียว มันมีความสนุกสนาน มีความมันเขี้ยว กลมกล่อมในความสัมพันธ์นี้ เถียงกันก็เถียงเหมือนเพื่อน สนุกดี ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ทั้งหมดเราก็ทำภายใต้ความเหมาะสมเพื่อที่ว่าผู้ใหญ่จะได้สบายใจ”แล้วอะไรที่เราไม่เคยทำแล้วได้ทำ?“เค้าชอบกินอาหารเกาหลี เมื่อก่อนผมไม่ชอบแต่เดี๋ยวนี้กินบ่อย ไปช็อปปิ้งซื้อเครื่องสำอางก็ไปด้วยได้ ไปช่วยถือของ บางอย่างเค้าไปกับเพื่อนก็มี ก็มีสเปซพื้นที่ของกันและกัน”ระหว่างพายกับเจมส์ใครน่าอิจฉากว่ากัน?“จากสิ่งที่คนนอกมองเข้ามาก็ต้องอิจฉาพาย (ยิ้ม) จริงๆสิ่งที่เค้าทำให้ผมเนี่ยมันเยอะมากๆแค่คนยังไม่เห็น ผมบอกเลยทุกคนจะเปลี่ยนเป็นอิจฉาผม เพราะเค้าดูแลดีและเป็นคนที่น่ารักมากๆ”“พาย” เข้ามาเปลี่ยนหรือว่าเปิดอะไรในชีวิตเราให้ดีขึ้นยังไง?“ผมว่าเค้าเข้ามาเปิดโลกในสิ่งที่เราไม่ได้สัมผัสเมื่อก่อนแล้วกัน พอเราได้อยู่ด้วยกัน เราก็ซึมซับกับสิ่งที่เค้าเชื่อมากขึ้น มันก็ทำให้เรามีตัวอย่างที่ดีที่ได้ปรับเปลี่ยน เอามาเติมเต็มชีวิตเราได้ เราเป็นคนที่ชอบคิดเยอะ เค้าเป็นคนที่คิดน้อยกว่าผม มีความปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลเยอะ ผมเป็นคนขี้กังวล ผมก็ได้ตรงนี้มาจากเค้า ดึงความคิดเยอะของเราลงมาหน่อย ทำให้เราสบายใจขึ้น และความชิลของเค้าทำให้เราชิลขึ้น”การมีแฟนวันนี้มันดีแค่ไหน?“ดีครับ ดีมากๆ ต้องบอกว่ามันแฮปปี้แล้วก็ไม่เหงาเพราะว่ามีทั้งเพื่อนและแฟนเป็นคนคนเดียวกัน มันเป็นมันเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เป็นโบนัสของชีวิต”ช่วงก่อนหน้านี้ควงกันไปร่วมงานแต่งงานมาหลายคู่ ไปดูงานไว้บ้างหรือเปล่า?“เราอยากไปแสดงความยินดี เราไม่ได้ไปดูงานอะไรหรอกครับ ยังไม่ได้แพลนอะไร เพราะสมมติแพลนแล้วมันไม่เกิดขึ้นเราก็จะเฟล เราจะรู้สึกกดดันด้วย”แต่แฟนๆเชียร์เมื่อไหร่จะถึงคิวคู่เรา?“ขอบคุณทุกคนที่เชียร์แต่ก็อยากจะบอกทุกคนว่าเราก็เหมือนกันว่าเรายังไม่มีคำตอบหรือยังไม่ได้กำหนดอะไร เพราะตั้งแต่วันแรกที่ผมบอกว่า กว่าผมไปเจอเค้าผมก็ไม่ได้กำหนดไว้ พอมันเจอปุ๊บเราก็ไม่อยากกำหนดอีก เราก็ค่อยเป็นค่อยไปเพราะสุดท้ายมันขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอและความแฮปปี้ของเรา”.เรื่อง: สุภลััคน์ วุฒิกรีธาชัยอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม