ชายแดนไทย-กัมพูชาดุเดือดตั้งแต่ตี 3 วันที่ 11 ธ.ค. ตาควายหนัก หยุดพักตี 4 กว่า ก่อนเขมรระดมยิง BM-21 อีกระลอกช่วงเช้า ส่วนชายแดนช่องจอมเริ่มเปิดศึกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เขมรยิงกระสุนมาตกที่โรงเรียนบ้านด่านพิกัดเดิม ก่อนเครื่องบินรบบินวน 3 รอบทิ้งไข่ใส่ฐานเขมรใกล้กับบ่อนกาสิโนเสียงดังสนั่น สะเทือนถึงในบังเกอร์ที่ตลาดช่องจอม พบโดรนติด ค.82 บินลอบโจมตีช่องอานม้า คาดต่างชาติรับจ้างบังคับ ทหารกัมพูชาคอยชี้เป้าเล็งบังเกอร์ไทย กองทัพภาคที่ 2 สรุปผลสู้รบ 5 วัน 4 จังหวัดอีสานทหาร เขมรดับ อากาศยานไทยถล่มเป้าทางทหารกัมพูชาใกล้บ่อนกาสิโนจุ๊บโกกี จุดบัญชาการโดรน-คลังอาวุธ-คลังน้ำมันเติม BM-21 กลางดึก ส่วนบ้าน 3 หลังที่ ต.ชำราก จ.ตราด ถูกเครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศบินไปหย่อนไข่ 4 ลูกใส่แนวคูเลตพังพินาศยับเยิน กองทัพไทยสดุดี “9 ทหารกล้า” ผู้สละชีพปกป้องทวงคืนแผ่นดินไทย ชูเป็นมรดกแห่งศักดิ์ศรี เสธ.เบิร์ดซัดฮุน เซน พ่อฮุน มาเนต เป็นหมาใกล้จนตรอก ชอบใช้สันดานเดิม ยิงระยะไกลทำร้ายชาวไทยผู้บริสุทธิ์ ส่วนตัวเองใช้บ้านคนเป็นโล่กำบังสถานการณ์การสู้รบกันระหว่างไทย-กัมพูชาดำเนินมาถึงวันที่ 11 ธ.ค. นับเป็นวันที่ 5 และตลอดทั้งวันที่ 10 ธ.ค.ตั้งแต่เช้าจดดึก สถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธหนักปฏิบัติการ โจมตีไทยหลายครั้ง อาทิ การใช้อาวุธยิงสนับสนุนและใช้ระเบิดขว้างในพื้นที่ช่องอานม้า เนิน 677 และตลาดช่องอานม้าฝั่งไทย ขณะที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย ฝ่ายกัมพูชาใช้โดรนพลีชีพ FPV จำนวนมาก ไทยได้ปฏิบัติการโต้ตอบเพื่อขุดรากถอนโคน โดยยิงทำลายเครนก่อสร้างของกัมพูชาที่มีการติดตั้งกล้องและอุปกรณ์ตรวจจับด้วยสัญญาณเรดาร์ เพื่อให้ฝ่ายกัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร ขณะที่สถานการณ์ในวันที่ 11 ธ.ค. พื้นที่แนวรบชายแดนไทย-กัมพูชา หลายจุดมีความดุเดือดตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ฝ่ายกัมพูชาระดมใช้อาวุธนานาชนิดยิงถล่มฝ่ายไทย“ตาควาย” ดุเดือดตั้งแต่ก่อนรุ่งสางผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ที่มีการสู้รบเข้าวันที่ 5 ว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. เกิดการ ยิงสู้รบกันด้วยปืนใหญ่และปืนเล็กอย่างดุเดือด ที่ชายแดนปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก ระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ก่อนเสียงปืนจะสงบลงในเวลาประมาณ 04.00 น. จากนั้นเวลาประมาณ 06.33 น. ทหารกัมพูชาเริ่มยิงจรวด BM-21 เข้าใส่ทหารไทยอีกระลอกและยังคงมีเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำชุมชนและ ชรบ.ต้องเข้าหลุมหลบภัยทุกจุดกัมพูชายิงปืนใหญ่ถล่มบ้าน-โรงเรียนขณะที่ชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง หลังจากเสียงปืนสงบลงตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 10 ธ.ค. จากที่รถถังทหารกัมพูชายิงกระสุนเฉียดเข้ามาที่หมู่บ้าน ด่าน ตกที่ทุ่งนาหลังโรงเรียนบ้านด่านและป่าอ้อยแล้วเงียบไปทั้งคืน กระทั่งเวลาประมาณ 06.17 น. มีเสียงปืนใหญ่ดังทิ้งระยะอย่างต่อเนื่องหลายสิบลูก ขณะที่ทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่เข้ามาตกในพื้นที่ใกล้กับหมู่บ้านด่านและมีรายงานว่าตกในพื้นที่โรงเรียน บ้านด่านอีก 1 ลูกยิงจรวด BM–21 ใส่ตลาดช่องจอมเวลา 08.00 น. วันที่ 11 ธ.ค. เครื่องบินรบของไทยบินเข้ามาในพื้นที่ชายแดนช่องจอม เสียงดังคำรามทั่วท้องฟ้า ทิ้งระเบิดลงบริเวณฐานทหารกัมพูชา ฝั่งบ่อนกาสิโน ชุมชนโอร์เสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย หลายลูก แรงสั่นสะเทือนสัมผัสได้อย่างชัดเจน ถึงบริเวณตลาดชายแดนช่องจอมที่ผู้สื่อข่าวหลบอยู่ในบังเกอร์ เครื่องบินรบดังกล่าวบินทิ้งระเบิดติดต่อกันถึง 3 ครั้ง ระหว่างนั้นทหารกัมพูชายิงระเบิดสวนเข้าไปในพื้นที่ตลาดชายแดนช่องจอมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มีเสียงปืนใหญ่ดังเป็นระยะๆสลับทิ้งช่วง และเวลาประมาณ 09.30 น. มีกระสุนจรวด BM-21 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ตำบลบักได อ.พนมดงรัก ได้รับความเสียหายหนึ่งหลัง แต่ไม่มีชาวบ้านได้รับอันตรายระเบิดลงโรงกลึง-บ้านอดีตนายก อบต.เวลา 11.30 น. กัมพูชายิงจรวด BM-21 ยิงเข้ามาฝั่งไทย ตกลงบริเวณกลางโรงกลึงจรินทร์เจริญ-โกดังค้าวัสดุทางการเกษตรและบ้านพักของอดีตนายก อบต.ตาเมียง ซึ่งอยู่ในอาคารหลังเดียวกัน พื้นที่ ม.1 ต.บักได อ.พนมดงรัก แรงระเบิดสร้างความเสียหายแก่อาคารทั้งหลังรวมทั้งทรัพย์สินที่อยู่ภายในอาคารและบ้านพักอาศัยด้วย โชคดีไม่มีใครอยู่ขณะลูกจรวดลงชายแดนช่องจอมเสียงปืนใหญ่สนั่นจนถึงเวลาประมาณ 12.00 น. เสียงปืนใหญ่จากฝ่ายกัมพูชายังคงดังเป็นระยะๆ ตลอดแนวชายแดนช่องจอม ช่องระยี ปราสาทคนา อ.กาบเชิง จนถึงปราสาทตาควาย ช่องกร่าง ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก หลังจากเครื่องบินรบของไทยได้บินทิ้งระเบิดหลายจุดตลอดแนวชายแดน จ.สุรินทร์ หลายครั้ง ทหารกัมพูชาก็ยังคงระดมยิงปืนใหญ่และจรวด BM-21 เข้าใส่ทหารไทยและเข้าใส่ชุมชนในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังพบร่องรอยไฟไหม้ขณะเกิดเหตุ จนท.ตำรวจที่เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ช่วยกันดับ ทั้งนี้ ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เก็บภาพทำข่าว เสียงปืนใหญ่ของทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงระดมยิงใส่กันอย่างดุเดือดอีกด้วยเขมรยิงจรวด BM-21 ใส่ช่องอานม้าส่วนสถานการณ์ที่ จ.อุบลราชธานี ในเวลาประมาณ 07.55 น. ทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 เข้ามาที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จำนวน 2 ชุด 80 ลูก แรงระเบิดทำให้คนในพื้นที่สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดของชาวบ้านสามารถบันทึกเสียงของจรวด BM-21 ที่ถูกยิงเข้ามาได้ ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 รายงานว่า ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงทหารไทยตั้งแต่เช้ามืดใน 2 จุด คือ ที่เนิน 500 ช่องบก จ.อุบลราชธานี และชายแดน ฝั่งบ้านโกมุย ทิศใต้ของภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตปักธงชาติไทยที่ด่านบึงตะกวนก่อนหน้านี้ ในเวลา 21.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. กัมพูชายิงปืน ค.ลงข้างยานเกราะ สไตรเกอร์ของทหาร ไทย บริเวณด่านบึงตะกวน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ทำให้มีทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 10 นาย นำตัวส่ง รพ.ตาพระยา กองทัพภาคที่ 1 จึงเปิดปฏิบัติการเชิงรุกด้วยการส่งกำลังทหารราบพร้อมยานเกราะล้อยาง Stryker 8×8 เข้าควบคุมพื้นที่บริเวณด่านบึงตะกวน ตรงข้ามจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. พร้อมปักธงชาติไทย วางรั้วลวดหนามหีบเพลงกำหนดเขตป้องกันทหารรวบ “เจ๊ลัด” ส่งข้อมูลให้เขมรที่ จ.สระแก้วช่วงเช้าวันที่ 11 ธ.ค. หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพาเข้าควบคุมตัว “เจ๊ลัด” หรือนางทองลัด กันหา อดีตภรรยากำนันลี ชาวเขมร หลังสืบทราบว่ามีพฤติการณ์ต้องสงสัย ลอบส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวของฝ่ายไทยให้ทางการกัมพูชา ในช่วงสถานการณ์ชายแดนตึงเครียดต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นและยึดโทรศัพท์มือถือที่คาดว่าใช้เป็นอุปกรณ์สื่อสารหลักในการส่งข้อมูล โดยจะนำส่งต่อให้หน่วยงานด้านความมั่นคงตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก รวมถึงหลักฐานการติดต่อที่อาจเชื่อมโยงกับขบวนการต่างชาติ ระหว่างการจับกุม เจ๊ลัดไม่ได้ขัดขืนและถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของหน่วยงานความมั่นคงทันที มีการตรวจสอบแรงจูงใจ เครือข่ายที่เกี่ยวข้องและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อความมั่นคงของไทย หลังนำตัวนางลัดมาลงบันทึกประจำวันที่ สภ.โคกสูง แล้ว ทหารได้นำตัวเจ๊ลัดไปยังกองกำลังบูรพาสอบสวนขยายผลต่อไปสดุดี 2 ทหารดับในสมรภูมิรบขณะที่ตอนสายวันที่ 11 ธ.ค. เฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์ข้อความสดุดีทหารกล้าพลีชีพอีก 2 ราย คือรายที่ 8 พลฯชาญชัย ผดุงโชค (น้องสมาร์ท) อายุ 22 ปี ภูมิลำเนา ต. บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กองกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 สังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 (ร.112 พัน.3) ตำแหน่งพลยิงปืนกล พลีชีพกลางสมรภูมิบึงตะกวน-บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จากการถูกกระสุนปืน ค.ฝ่ายกัมพูชาตกใส่ รายที่ 9 คือ พลฯ ธนกร สิงหาชาติ ภูมิลำเนา ต.เม็กดำ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม สังกัดกองกำลังรบกองทัพภาคที่ 2 กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 ตำแหน่งพลยิงลูกระเบิด 40 มม. (M203) พลีชีพกลางสมรภูมิปราสาทตาเมือนธม จากการถูกสะเก็ดกระสุนปืน ค.ของฝ่ายกัมพูชา9 วีรบุรุษพิทักษ์ชาติจนชีพวายสำหรับเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดน ตั้งแต่วันที่ 8-10 ธ.ค. มีกำลังพลเสียชีวิตรวม 9 ราย ได้แก่ 1.จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต สังกัดกองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ 6 ที่สละชีพเป็นชาติพลีเป็นรายแรกจากการโดนสะเก็ดระเบิด ในพื้นที่ฐานป้องไพร ช่องบก 2.พลฯวายุ ขวัญเสือ สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ โดนสะเก็ดระเบิดอาวุธวิถีโค้ง พื้นที่ฐานปฏิบัติการ 225 จ.สุรินทร์ 3. ส.อ.ชวกร เดชขุนทด สังกัดกองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ เสียชีวิตจากเครื่องยิงลูกระเบิด พื้นที่พระวิหาร 4. จ.ส.ท.จิระวัฒน์ มุ่งกลาง สังกัด ช.พัน.1 รอ. ประจำการที่ฐานฯแดนไกล ช่องอานม้า แพทย์เสนารักษ์ พยายามยื้อชีวิตแต่ จ.ส.ท.จิระวัฒน์ เสียเลือดมากทำให้เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลจารึกชื่อในแผ่นดินสืบไป5.พลฯเทิดศักดิ์ ศรีลาชัย สังกัด ร.23 พัน.3 กองพันสุรินทร์ พลีชีพในสมรภูมิปราสาทคนา 6.จ.ส.อ.อนันดา อุดร ทหารสังกัดกองพันสิงห์ศึก นับรบภูมะเขือ 7.พลฯธนรัตน์ จันทร์ประทัด กองกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 กำลังพลสังกัดกองพลทหารราบที่ 11 ตำแหน่งพลปืนเล็ก สังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 ถูกกัมพูชายิงปืน ค. ลงข้างยานเกราะสไตรเกอร์ของทหารไทย บริเวณด่านบึงตะกวน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว 8.พลฯชาญชัย ผดุงโชค หรือน้องสมาร์ท อายุ 22 ปี ภูมิลำเนา ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กองกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 สังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 ตำแหน่งพลยิงปืนกล พลีชีพกลางสมรภูมิบึงตะกวน-บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ถูกกระสุนปืน ค. ฝ่ายกัมพูชาตกใส่ รายที่ 9 พลฯธนกร สิงหาชาติ สังกัดกองกำลังรบกองทัพภาคที่ 2 กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 ตำแหน่งพลยิงลูกระเบิด 40 มม. (M203) พลีชีพกลางสมรภูมิปราสาทตาเมือนธม จากการถูกสะเก็ดกระสุนปืนค. ของกัมพูชายกย่องความกล้าเป็นมรดกศักดิ์ศรี ต่อมาเพจกองบัญชาการกองทัพไทยโพสต์ข้อความสดุดีเหล่าทหารกล้าผู้สละชีพในการปฏิบัติหน้าที่อย่างสูงสุด เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนว่า ความกล้าหาญของพวกท่าน คือแสงสว่างที่ไม่มีวันดับสูญและจะทำหน้าที่ส่องนำทางให้กำลังพลทุกนายยืนหยัดบนเส้นทางแห่งเกียรติยศต่อไป ขณะที่ความเสียสละของพวกท่าน คือมรดกแห่งศักดิ์ศรี ที่กำลังพลไทยทุกคนจะไม่มีวันลืมเลือน และพร้อมที่จะสานต่อเจตนารมณ์ในการรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงและอธิปไตยของชาติอย่างเต็มกำลังในหลวงทรงรับทหารบาดเจ็บเป็นคนไข้ฯวันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายณรงค์ เทพเสนา ผวจ.อุบลราชธานี เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาและเข้ารับการรักษา ณ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จำนวน 11 นาย ประกอบด้วย 1.พลฯกิตติกร อินมั่น 2.พลฯภานุวัฒน์ วิเทศ 3.จ.ส.อ.วิทวัส ผิวพรรณ 4.พลฯนครินทร์ เถื่อนเจริญ 5.พลฯธีรภัทร อุทัยนิช 6.พลฯ อโนทัย จินดารัตน์ 7.จ.ส.ต.เนรมิต ผาระพงษ์ 8.ส.ต.อ.นพรัตน์ อำภวา 9.ส.อ.ศาสตรา แสนยศ 10.พลฯภานุวัฒน์ เงินนา 11.ร้อยโทสุรสิทธิ์ คล้ายนาค ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯทรงรับกำลังพลทั้งหมดไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่กำลังพลและครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้แม่น้องสมาร์ทภูมิใจลูกตายเพื่อชาติผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 177 หมู่ 18 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ภูมิลำเนาของพลฯชาญชัย หรือน้องสมาร์ท ผดุงโชค อายุ 22 ปี ทหารกองกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 สังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 (ร.112 พัน.3) ตำแหน่งพลยิงปืนกล ที่พลีชีพเป็นรายที่ 8 ในสมรภูมิบึงตะกวน-บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จากการถูกกระสุนปืน ค. ของกัมพูชาตกใส่ นางนิภาพัน ภูเนตร อายุ 50 ปี มารดาพลฯชาญชัย กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาของลูกเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 ธ.ค. ว่าลูกชายได้ถูกกระสุนปืน ค. ตกใส่เสียชีวิต ตนเองตกใจจนมึนงง คิดอะไรไม่ออก เศร้า เสียใจ เพราะมีลูกชายคนเดียว แต่ก็ภูมิใจที่สุดที่ลูกพลีชีพเพื่อแผ่นดินไทยครอบครัว “จ่าเพียว” สุดเศร้าผู้สื่อข่าว จ.ร้อยเอ็ด เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 100 ม.11 ต.หนองพอก อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ของ “จ่าเพียว” จ.ส.อ. ศตวรรษ สุจริต สังกัด ร้อย.ม. (ลว.) 6 ที่พลีชีพในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จากเหตุปะทะ บรรยากาศที่บ้านเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจของญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมงาน ขณะที่ลูกสาวทั้ง 2 คน ของจ่าเพียวคือน้องมีสุข วัย 5 ขวบ และน้องมีตังค์ วัย 3 ขวบ มาร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลศพเป็นคืนที่ 2 ก่อนมีการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันเสาร์ที่ 13 ธ.ค. ณ วัดพรหมพิทักษ์วนาราม อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด นางอัญธิกา วิเศษทักษิณ ภรรยาจ่าเพียว เผยว่า ภูมิใจในตัวสามีมาก ครอบครัวก็ภูมิใจในตัวจ่าเพียวที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่แม้ต้องสละชีพตัวเอง ขอให้ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้าปลอดภัยเดินทางกลับมาหาครอบครัวอย่างมีความสุขละเมิดอนุสัญญา-ใช้โล่มนุษย์เวลา 10.00 น. พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ททบ.5 ว่า กัมพูชายังคงโจมตีไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยอาวุธหนักเช่นBM-21 โดรน Kamikaze ปืนครก โดยเฉพาะบริเวณช่องอานม้าและเนิน 667 ขณะที่กองทัพเรือดำเนินกลยุทธ์ตามยุทธการ “ตราดปราบปรปักษ์” ในพื้นที่ จ.ตราดอย่างต่อเนื่องและได้รับการโจมตีโดยโดรนของฝั่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มีการพบทหารกัมพูชาที่ใช้บ้านประชาชน เป็นป้อมปราการทางทหาร ตรวจพบการติดตั้งปืนกลในบ้านพักถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาต่างๆในการใช้มนุษย์เป็นโล่กำบัง สำหรับกองทัพอากาศยังคงปฏิบัติการสนับสนุนกำลังภาคพื้นดินในการรุกคืบอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เป็นที่น่าเสียใจยิ่ง ที่เราสูญเสียกำลังพลอีก 2 นาย ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ปัจจุบันมีกำลังพลสูญเสียไปแล้ว 9 นาย บาดเจ็บประมาณ120 นายประณามกัมพูชาใช้อาวุธหนักพล.ร.ต.สุรสันต์ ยังได้เปิดเผยภาพความเสียหายของบ้านเรือนประชาชน ที่ถูกโจมตีด้วยจรวด BM-21 รวมถึงถนนในพื้นที่ จ.ตราด รวมสถิติ ผลกระทบต่อพลเรือน เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ณ เวลา 16.00 น. พบประชาชนที่พลัดถิ่นและพักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงทั้งหมด 199,618 คน ในศูนย์849 แห่ง มีผู้เสียชีวิต 3 ราย โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ 19 แห่ง รวมถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 180 แห่ง ทำให้ต้องอพยพผู้ป่วยจากพื้นที่ จึงขอประณามการใช้อาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาที่สร้างผลกระทบดังกล่าวสู้สุดใจสกัดกั้นทำลายเป้าหมายด้านศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวัน เมื่อเช้าวันที่ 11 ธ.ค. ว่า เวลา 22.42 น. วันที่ 10 ธ.ค. ได้เกิดเหตุปะทะขึ้น ฝ่ายทหารกัมพูชาใช้อาวุธยิงสนับสนุน ได้แก่ ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดเข้ามายังที่ตั้งของฝ่ายไทย ใช้อากาศยานไร้คนขับบินตรวจการณ์ในหลายพื้นที่สำคัญ ได้แก่ พื้นที่ช่องบก ช่องสะงำ ช่องอานม้า ปราสาทคนา ปราสาทตาควาย และบริเวณเขาพระวิหาร กองทัพภาคที่ 2 ได้ตอบโต้ตามหลักการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม ได้สัดส่วนโดยใช้อาวุธยิงสนับสนุน ได้แก่ ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิด เพื่อสกัดกั้นและทำลายเป้าหมายทางทหารที่มีความสำคัญของฝ่ายตรงข้าม สามารถสร้างความเสียหายแก่ข้าศึกได้ในหลายพื้นที่ อาทิ การทำลายรถบรรทุกของข้าศึก การโจมตีที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนและการโจมตีที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาไทยยึดครองที่หมายสำคัญหลายจุดในการสรุปสถานการณ์ยังระบุด้วยว่า ฝ่ายไทยได้เข้าควบคุมยึดพื้นที่ช่องระยี-ปลดต่าง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และดำเนินการเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการโต้กลับของฝ่ายตรงข้าม พื้นที่ช่องคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้รุกคืบเข้าตีต่อที่หมายตามแผนการปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน ปัจจุบันสามารถยึดครองที่หมายสำคัญได้และยังคงปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมพื้นที่ให้เป็นไปตามแผนเปิดยุทธวิธีเขมรใช้โดรนพลีชีพผู้สื่อข่าวรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ด้วยว่า มีรายงานเปิดเผยถึงยุทธวิธีการใช้โดรนที่กัมพูชาใช้ในพื้นที่ช่องอานม้าว่า ลักษณะโดรนที่ใช้จะเป็น FPV ติดลูกกระสุน ค.82 มม. และใช้สายไฟเบอร์ ออปติกในการบังคับโดรน โดยจะมีโดรนชี้เป้าจำนวน 1 ตัว บินคอยดูสังเกตและแจ้งที่หมาย จากการฟังเสียงจะไม่บินแบบรวดเร็วและจะบินได้นาน เป็นโดรนพลีชีพ จะทิ้งทำลายบริเวณช่องด้านหน้าหรือด้านหลังบังเกอร์ หวังให้สะเก็ดกระเด็นเข้าด้านใน บางจังหวะมีลงจอดที่พื้นเพื่อประหยัดแบตและรอเป้าหมาย โดยสังเกตลักษณะการบินจะไม่ผ่านจุดที่มีสิ่งกีดขวางเยอะ และบินเลือกเป้ากลับไปกลับไปมา (ทำให้คาดว่าใช้สายไฟเบอร์ออปติก)เชื่อใช้ต่างชาติรับจ้างบินโดรนผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ส่วนการบังคับจากข้อมูล พบว่าโดรนที่ใช้ FPV จะสามารถควบคุมได้ 2 ลักษณะ 1.ให้บินตาม GPS ขึ้นได้ทีละหลายลำ แต่จะบินมั่ว ชนกิ่งไม้ หรือตาข่ายง่าย 2.ใช้คนบังคับทีละลำ ลักษณะจะบินหาที่มุดเข้าบังเกอร์ (ช่องอานม้าเจอลักษณะนี้อยู่หลายครั้ง) นอกจากนี้ สำหรับข้อสังเกต คนบังคับน่าจะไม่ใช่ทหารกัมพูชา เนื่องจากมีสัญญาณเข้ามาวิทยุทางทหารโหมด CRL คำภาษาอังกฤษลงท้ายประโยคว่า finished .../ประกอบกับจุดตรวจการณ์ จะตรวจพบ จักรยานยนต์ขับลงไปหลังจากโดรนพลีชีพเงียบไป (ทั้ง 2 วันที่ช่องอานม้าโดน) อย่างไรก็ตาม คำแนะนำสำหรับกำลังพล ผู้พบเห็น ใช้ตาข่ายและการปิดหลังบังเกอร์ รวมถึงช่องยิงช่วยป้องกันได้ ในการยิงปืนทำลายโดยคนชนิดนี้ทำได้ยาก เนื่องจากบินเร็วมาก ปืนแอนตี้โดรนยิงไม่ตก เมื่อพบให้อยู่ในบังเกอร์ก้มตัวต่ำไว้จนสิ้นเสียง จากข้อสังเกตทำให้เชื่อได้ว่ากัมพูชาได้ใช้ต่างชาติมารับจ้างบินโดรนและให้ทหารกัมพูชาในพื้นที่ชี้เป้านำทางF-16 บินหย่อนไข่ 4 ลูกใส่บ้าน 3 หลังอีกด้าน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์เหตุปะทะบริเวณชายแดน จ.ตราด ที่บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมืองตราด ว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.55 น. วันที่ 11 ธ.ค.เครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศบินทิ้งระเบิดใส่แนวคูเลต บริเวณบ้าน 3 หลัง ที่ทหารกัมพูชาขุดไว้ก่อนหน้านี้ จนทำให้นาวิกโยธินไม่สามารถเข้าไปยึดได้ เครื่องบิน F-16 ได้ทิ้งระเบิด 4 ลูกในพื้นที่ดังกล่าว ตามด้วยเรือรบและปืนใหญ่ภาคพื้นดิน ยิงสนับสนุนติดต่อกันหลายนัด จนเกิดกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ลอยขึ้นบนท้องฟ้า จากนั้นช่วงเวลา 16.10 น. มีการใช้ปืนเล็กยิงปะทะกัน ประมาณ 1 นาที ก่อนมีเสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่องกันนานหลายนาที ขณะฝั่งกัมพูชายังมีการยิงตอบโต้บึ้ม บก.พัน 556 พินาศยับเยินนอกจากนี้ เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 10 ธ.ค.หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดเข้าทำลายเป้าหมายทางทหารของฝั่งกัมพูชา บริเวณที่ทำการกองบังคับการกองพันที่ 556 ของกัมพูชา (ทก.บก.พัน 556) ใช้โดรนทิ้งระเบิดทำลายเครื่องปั่นไฟ บก.พัน 556 พร้อมทำลายตัว บก.พัน ทำให้มีทหารกัมพูชาบาดเจ็บกว่า 10 นาย สำหรับ บก.พัน 556 ของกัมพูชาเป็นที่รวมพลและเป็นที่เก็บรวบรวมอาวุธโดยเฉพาะโดรน ซึ่งฝ่ายไทยใช้โดรนที่ กปช.จต. ร่วมกับกรมสรรพาวุธทหารเรือผลิตระเบิดแสวงเครื่อง “กระสุนปืน แสวงเครื่อง หมูป่า ค.81” ถึง 3 ขนาด คือ ค.60 และ ค.120 สามารถทำลายฐานที่ตั้งของฝ่ายตรงข้ามได้แม่นยำ มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญมีราคาถูกกว่าซื้อของต่างประเทศ กำลังพลสามารถผลิตได้เอง ขณะนี้ ผบ.กปช.จต. สั่งผลิตเอาไว้เพียงพอสำหรับการทำลายฐานที่มั่นทางทหารของฝ่ายกัมพูชาแล้วทอ.ถล่มคลังน้ำมัน-อาวุธย่านจุ๊บโกกีขณะที่ในเวลา 23.00 น. คืนวันที่ 10 ธ.ค. กองทัพอากาศไทยได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ต่อเป้าหมายทางทหาร ในย่านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ของกัมพูชา โดยการข่าวชี้ชัดว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นคลังน้ำมันและถูกใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นฐานบัญชาการปล่อยโดรนพลีชีพโจมตีทหารไทยเป็นคลังเก็บอาวุธหนัก เป็นจุดเติมเชื้อเพลิงให้แก่รถยิงจรวด BM-21 สามารถทำลายเป้าหมายทางทหารได้ตามวัตถุประสงค์ ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปฏิบัติการใกล้ๆกันกับบ่อนกาสิโนในย่านจุ๊บโกกี อยู่ตรงข้ามกับจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ จึงทำให้เห็นแสงสว่างสีแดงเพลิงได้อย่างชัดเจนเสธ.เบิร์ดซัดเดือด “ฮุน เซน”ด้าน พล.ท.วันชนะ สวัสดี หรือ เสธ.เบิร์ด รองโฆษกกองทัพไทย โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่าฝากถึงฮุน เซน พ่อฮุน มาเนตว่า 1.วิเคราะห์ภูมิประเทศแนวปะทะ ฝั่งไทยเป็นป่าและภูเขา การตั้งฐานทหารจึงอยู่กับป่า ส่วนฝั่งเขมรมีการนำบ้านคนมาตั้งประชิดชายแดน การตั้งฐานทหารของเขมรจึงใช้บ้านคน อาคารเป็นฐานทหาร ที่ตั้งยิงอาวุธและ ศูนย์ควบคุมอาวุธ (ใช้ประชาชนเป็นโล่) 2.จากข้อ 1 การปฏิบัติการของไทย เราใช้หลักป้องกันตนเอง เมื่อพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าจะมีภัยคุกคามกำลังจะเกิดขึ้น เราจึงต้องทำลายภัยคุกคามนั้น 3.จากข้อ 2 นั่นหมายความว่าถ้าภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ อยู่ที่บ้านใครเราก็ทำลายภัยคุกคามนั้น 4.จากข้อ 3 อาวุธยิงระยะไกลของเขมร ก่อนหน้านี้ใช้ป้องกันฮุน เซน ที่พนมเปญ ถ้าพิสูจน์ทราบได้ว่าจะเป็นภัยคุกคามในระยะเวลาอันใกล้เราก็ทำลายจวกแรงเป็น “หมาใกล้จนตรอก”รองโฆษกกองทัพไทยยังระบุอีกว่า 5.จากข้อ 4 เมื่อฮุน เซน รักตัวกลัวตาย ก็มีความจำเป็นที่ต้องขยับอาวุธยิงระยะไกลนั้นให้ห่างจากตัวเองไว้ 6.จากข้อ 5 เพราะปัจจุบันฮุน เซน กำลังตกที่นั่งลำบาก ทั้งศึกภายในและภายนอกที่สั่นคลอนอำนาจของฮุน เซน 7.จากข้อ 6 เราจึงไม่เห็นพี่เลี้ยงจากต่างประเทศออกตัวแรง เพื่อปกป้องเขมรเท่าครั้งก่อน 8.จากข้อ 7 เพราะถ้าประเทศใดออกตัวปกป้องเขมรก็เท่ากับเห็นด้วยกับสแกมเมอร์ 9.จากข้อ 8 บีบให้ฮุน เซน ต้องกลายเป็นหมาใกล้จนตรอก ที่จะเลือกวิธีสกปรกตามสันดานเดิมด้วยการยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนชาวไทยผู้บริสุทธิ์ และจะอ้างว่าทำลายที่ตั้งทางทหารของไทย 10.จากข้อ 9 เขมรจะอ้างแบบนี้ไม่ได้ เพราะ ทหารไทยไม่ได้ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ เรารบด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นทหาร ตามข้อ 1ทภ.2 เผยทหารกัมพูชาดับ 102 นายเวลา 18.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 11 ธ.ค. ณ เวลา 17.00 น. ว่าศูนย์ได้เร่งอพยพประชาชนเข้าพื้นที่ปลอดภัย ณ ศูนย์พักพิงประจำจังหวัดที่จัดเตรียมไว้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หลังจากนั้นฝ่ายเราได้ยิงตอบโต้ตามกฎการใช้กำลังอย่างได้สัดส่วนไปยังพื้นที่ที่เกิดภัยคุกคาม ด้วยอาวุธวิถีตรงและวิถีโค้งต่อฝ่ายกัมพูชา เพื่อสกัดกั้น ยับยั้งและทำลายอันตรายที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนในพื้นที่ อันประกอบด้วยพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน 13 แนวรบ ผลการปฏิบัติที่สำคัญในวันที่ 11 ธ.ค. มีดังนี้ 1. ช่องอานม้าเข้าควบคุมพื้นที่ได้บางส่วน 2.เข้าทำลายฐานปฏิบัติการข้าศึกบริเวณพื้นที่ซำแต 3.พื้นที่ช่องระยี-ช่องเปรอ เข้ายึดพื้นที่คืนถึงเส้นปฏิบัติการ แต่ยังถูกต่อต้านเป็นระยะ 4.พื้นที่คนาเข้ายึดแล้ว 2 ที่หมาย ปัจจุบันถูกตีโต้ตอบจากฝ่ายตรงข้าม 5.พื้นที่ตาควาย ยิงทำลายฐานทหารรอบปราสาทและเนิน 350 แต่ยังเข้าควบคุมไม่ได้ เนื่องจากถูกต่อต้านอย่างหนักจากอาวุธยิงสนับสนุน โดรน และกับระเบิดของฝ่ายกัมพูชาอย่างหนาแน่น ในการสรุปสถานการณ์ยังระบุด้วยว่า จากการปฏิบัติ ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. คาดว่ามีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 102 นาย ไทยสามารถทำลายรถถัง T-55 จำนวน 6 คัน (ในพื้นที่พนมประสิทธิโส) ทำลายจรวดหลายลำกล้อง (BM-21) จำนวน 1 คัน ทำลายระบบโดรน จำนวน 64 ลำ ทำลายแอนตี้โดรน 1 ระบบ ในพื้นที่ห้วยตามาเรียทร.พบ ‘ชายฉกรรจ์’ คาดเป็นทหาร BHQเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. น.อ.นรา คุโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเมื่อ 10 ธ.ค. เวลา 23.00 น. ตรวจพบกลุ่มคนต้องสงสัยบริเวณชายแดน จ.ตราด ที่คาดว่าเป็นหน่วย BHQ ของกัมพูชา เข้ามาใช้พื้นที่อาคารต้องสงสัย ว่า ตามข้อมูลที่รายงานว่าพบชายฉกรรจ์แต่งตัวเป็นพลเรือน ที่มาโดยรถตู้ 4-5 คัน เข้ามาในพื้นที่และเข้าไปตัวอาคารต้องสงสัย ตามที่เคยชี้แจงไปเมื่อ 2-3 วันก่อน ในเรื่องการดัดแปลงอาคารที่ตั้งเพื่อใช้เป็นที่ตั้งทางทหาร มีการระดมสรรพกำลัง เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าเรามีการตรวจพบกิจกรรมในลักษณะดังกล่าว กลุ่มอาคารดังกล่าวจะอยู่ในฝั่งกัมพูชา แต่เราตรวจพบจากโดรนตรวจการณ์ในเวลากลางคืน ทั้งนี้ เพื่อยืนยันและเป็นหลักฐานว่าสิ่งที่เราดำเนินการต่อกลุ่มอาคารเป้าหมายต่างๆ เป็นการทำลายที่มั่นทางทหารฝ่ายกัมพูชาเพื่อให้หมดภัยคุกคามทรัมป์เสนอตัวเป็นกาวใจไทย–เขมรทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า วันที่ 11 ธ.ค. ตามเวลาสหรัฐฯ เขาจะโทรศัพท์หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทยและนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อขอให้ยุติ การสู้รบระหว่างกัน ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็น 1 ใน 8 ความขัดแย้งที่เขาสามารถช่วยเจรจาให้ยุติลงได้และมั่นใจว่าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งรอบนี้ได้ เพราะเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งไทยและกัมพูชา นายทรัมป์บอกด้วยว่า เป็นเรื่องโชคร้ายที่ทั้ง 2 ฝ่ายกลับมาสู้รบกันอีก แต่ใครจะยุติสงครามระหว่างไทย กับกัมพูชาได้นอกจากเขา และขอให้ทุกฝ่ายดูกันต่อไปว่าเขาจะยุติสงครามได้แน่นอน“อนุทิน” เผยยังไม่ได้คุย “ทรัมป์”ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า จะโทรศัพท์หานายกฯไทยและกัมพูชาในวันที่ 11 ธ.ค.ว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณแจ้ง แต่จริงๆแล้วไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่เป็นปกติ ผู้นำของแต่ละประเทศ ต้องสื่อสารกันตลอดอยู่แล้ว ทุกคนพยายามที่จะช่วยกัน เพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหา เมื่อถามว่าดูเหมือนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ความมั่นใจกับสื่อทั่วโลกว่าวันนี้จะได้ข้อยุติจากการคุยกับผู้นำทั้งสองประเทศ นายอนุทินกล่าวว่า เป็นเหมือนที่ให้สัมภาษณ์ไป ถ้านายโดนัลด์ ทรัมป์ โทร.มาหาประเทศไทย ฐานะที่ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล จะอธิบายและชี้แจงให้ทราบถึงเหตุการณ์และพัฒนาการของสถานการณ์ ท่านคงต้องได้รับฟังอย่างละเอียดจากตน ถ้าท่านจะติดต่อเข้ามาและนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ คงชี้แจงข้อมูลในระดับทางการทูตอยู่แล้ว เมื่อถามว่าไทยจะยืนยันในจุดยืนไม่คล้อยตามใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราต้องยืนยันว่าเราต้องรักษาอธิปไตย รักษาประชาชนและบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา รวมถึงรักษาศักดิ์ศรีของคนไทย ส่วนที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ฟังแล้ว โพสต์เฟซบุ๊กว่าคุยกับนายอนุทินแล้วนั้น ตนได้พูดคุยและได้อธิบายเหตุการณ์ให้ท่านรับฟังบอกไม่ต้องการขัดแย้งแต่ไทยถูกรุกรานเมื่อถามว่าจะมีเงื่อนไขอะไรที่ไทยวางไว้ในการกลับไปสู่โต๊ะเจรจาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีใครต้องการที่จะมีความขัดแย้ง โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ประเทศไทยเรามีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าเราเป็นฝ่ายถูกรุกราน เพราะฉะนั้นเรามีความจำเป็นที่จะต้องรักษาเอกราช และอธิปไตยของประเทศส.ท.ถูกปืนใหญ่เขมรที่ช่องอานม้าผู้สื่อข่าวไทยรัฐอุบลราชธานี รายงานว่า วันเดียวกันนี้เจ้าหน้าที่ทหารเสนารักษ์นำตัว ส.ท.ฐากูล ปัญญาดี สังกัด ร.6 พัน.2 ตำแหน่ง หน.ชุด QRF เอราวัณ ที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาตกใส่ขณะปฏิบัติการเข้าตีเนิน 677 ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส นำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ Bell 212 ที่มาจอดรอรับตัวอยู่ที่สนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ที่ อบต.กลาง อ.เดชอุดม ก่อนที่เครื่องจะทะยานขึ้นฟ้าบินไปยังสนามมณฑลทหารบกที่ 22 โดยมีรถพยาบาลขั้นสูงของ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ นำส่งต่อไปยัง รพ.สรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดในทันที จากรายงานเบื้องต้นทราบว่า ขณะ ส.ท.ฐากูล กำลังปฏิบัติการโจมตีเนิน 677 ถูกปืนใหญ่ของกัมพูชาที่ยิงใส่เข้ามาในจุดที่ ส.ท.ฐากูลปฏิบัติหน้าที่อยู่ ทำให้ ส.ท.ฐากูล ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และพลฯศิรวิทย์ เมืองพิน สังกัด ร.6 พัน.2 ได้รับบาดเจ็บจุกแน่นหน้าอกอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่