ขณะทำงานยืนยันว่า ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นผู้กระทำความผิด พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. หนึ่งใน “ดรีมทีม” คลี่คลายปริศนาการตายของ “น้องชมพู่” ระบายความรู้สึก“แต่ยึดจากพยานหลักฐานที่พบเป็นจุดสำคัญนำไปสู่การเจอตัวผู้ก่อเหตุ” เจ้าตัวระบุขอขอบคุณ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เมื่อครั้งเป็น ผบ.ตร.ที่ให้ความสนใจและลงมาติดตามคดีด้วยตัวเองระดมกำลังชุดสืบสวนจากทั่วประเทศมากฝีมือฝังตัวอยู่ที่บ้านกกกอก ต.โคกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร อาทิ พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ รอง ผบช.สยศ.ตร. พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พูนสุข เตชะประเสริฐพร ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 รวมถึงทีมงานนักสืบทุกคนรวบรวมพยานหลักฐานมัดตัว นายไชย์พล หรือ ลุงพล วิภา ขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม กระทั่งศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเล็งเห็นผลรวมจำคุกทั้งหมด 26 ปีนับเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี ชุดสืบสวนมุ่งมั่นอย่างเต็มกำลังความสามารถ“ขอยืนยัน เราทำคดีนี้ด้วยความยุติธรรมในทุกมิติ เพื่อให้ความจริงปรากฏ” พล.ต.ต.นพศิลป์ย้ำเจ้าตัวมั่นใจศาลได้ตัดสินบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงตามหลักฐาน และคำตัดสินนี้ไม่ใช่แค่ผู้กระทำผิดได้รับโทษตามสมควรเท่านั้น“แต่คือการคืนศักดิ์ศรีให้ครอบครัว คืนความจริงให้น้องชมพู่ แม้เรารู้ว่าน้องจะไม่มีวันกลับมา”จากวันนี้ทุกคนจะจดจำน้องในฐานะเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ได้รับความยุติธรรม.สหบาทคลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม