OpenAI เปิดตัว ChatGPT Agent ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่พัฒนาให้ระบบ AI ก้าวข้ามจากการตอบคำถามทั่วไป สู่การทำงานแทนผู้ใช้งานอย่างแท้จริง เสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถปฏิบัติงานได้หลากหลาย ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแซม อัลต์แมน ซีอีโอ Open AI นำทีมงานนักพัฒนาเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานเครื่องมือต่างๆ ได้เหมือนผู้ใช้ควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเรียกใช้งานเบราว์เซอร์ เปิดเว็บไซต์ ทั้งแบบข้อความธรรมดาและแบบมีปุ่มกดได้ รันโปรแกรม ผ่านหน้าจอคำสั่งสีดำ (Terminal) เชื่อมต่อกับระบบภายนอก (API) เพื่อดึงข้อมูลหรือส่งข้อมูลไปมา ตลอดจนการเข้าถึงข้อมูลจากบริการยอดนิยม เช่น Google Drive, Calendar, GitHub และ SharePointChatGPT Agent ผสานความสามารถระหว่าง 2 ระบบเดิม ได้แก่ Deep Research ที่เชี่ยวชาญด้านการอ่าน วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก และ Operator ที่ถนัดการปฏิบัติงานบนเว็บไซต์ เช่น การกรอกฟอร์ม หรือสั่งซื้อสินค้า โดยระบบมีการฝึกฝนผ่านเทคนิค Reinforcement Learning เพื่อให้สามารถเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับแต่ละภารกิจได้อย่างแม่นยำหนึ่งในจุดเด่นสำคัญของ Agent คือความสามารถในการจัดการงานที่ใช้เวลานาน ผู้ใช้สามารถโต้ตอบ แทรกคำสั่งเพิ่มเติม ขอรายงานความคืบหน้า หรือเข้ามาควบคุมการทำงานแทนได้ทุกเมื่อ อีกทั้ง Agent ยังสามารถตั้งคำถามกลับมาหาผู้ใช้ในกรณีที่จำเป็นต้องได้รับคำยืนยันก่อนดำเนินการChatGPT Agent เปิดให้ใช้งานในกลุ่มสมาชิกแบบเสียค่าบริการ ได้แก่แผน ChatGPT Pro, Plus, Team, Enterprise และ EDU โดยสามารถเลือกใช้งานผ่านโหมด “Agent Mode” ภายในแพลตฟอร์ม ChatGPT โดยมีการกำหนดโควตาการใช้งานรายเดือน เช่น แผน Pro ใช้งานได้ 400 ครั้งต่อเดือน ส่วน Team จำกัดที่ 40 ครั้งต่อเดือนด้านประสิทธิภาพ OpenAI ระบุว่าได้รวมเทคโนโลยีอัจฉริยะจากระบบก่อนหน้า ทั้ง Operator และ Deep Researchเข้ามาไว้ใน Agent ซึ่งส่งผลให้คะแนนทดสอบในหลายหมวดหมู่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ในแบบทดสอบ Humanity’s Last Exam ทำคะแนนได้ 41.6% เทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่อยู่ราว 20% ขณะที่การทดสอบ FrontierMath ซึ่งเป็นแบบทดสอบเชิงตรรกะขั้นสูง ก็ทำได้ถึง 27.4% จากเดิมเพียง 6.3%OpenAI ยังเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน โดยออกแบบระบบให้มีการป้องกันการถูกหลอกกรอกข้อมูล (Prompt Injection) ฝึกให้ Agent เพิกเฉยต่อคำสั่งแปลกหรืออันตราย พร้อมมีระบบเฝ้าระวังแบบเรียลไทม์ และให้คำแนะนำผู้ใช้ในกรณีที่ต้องใส่ข้อมูลส่วนตัว เช่น บัตรเครดิต นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการติดตามและประเมินผลการใช้งานจริงอย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม