องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ ยอมรับ...แมลงเป็นแหล่งอาหารในอนาคตของโลก สามารถทดแทนแหล่งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพื่อรองรับประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการฯ ไม่รอช้าวางนโยบายตั้งเป้าให้ไทยเป็น “ฮับแมลงโลก” พุ่งเป้าไปที่จิ้งหรีด แมลงยอดนิยมที่บ้านเรามีฟาร์มเลี้ยงแล้วกว่า 20,000 ฟาร์มพร้อมกับให้เร่งส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานฟาร์มเลี้ยง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ แล้วตลาดจะไปได้จริงหรือ ที่สำคัญไทยมีความพร้อมหรือยัง เป็นคำถามที่หลายคนตั้งข้อสงสัย???ข้อมูลล่าสุดจากบริษัท Research and Markets ระบุตลาดแมลงรับประทานได้ทั่วโลก มีอัตราการเติบโตระหว่างปี 2018-2023 ร้อยละ 23.8 และคาดว่าในปี 2023 ตลาดจะมีขนาด 37,900 ล้านบาทตลาดเอเชียมีสัดส่วน 30-40% ของทั้งโลก ที่เหลือกระจายตัวอยู่ทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา ละตินอเมริกาและอเมริกาเหนือขณะที่ข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร พบไทยมีแมลงที่มีคุณค่าทางอาหาร 194 ชนิด เช่น จิ้งหรีด จิ้งโกร่ง ตั๊กแตน หนอน และดักแด้ไหม ปัจจุบันเราถือเป็นตลาดหลักในการส่งออกแมลงไปขายทั่วโลกและจากการที่ มกอช. ประกาศมาตรฐาน GAP สำหรับฟาร์มจิ้งหรีด ยิ่งทำให้ตลาดส่งออกจิ้งหรีดบ้านเราโตขึ้นอีกถึงปีละ 23% โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ อียู ญี่ปุ่น และจีนด้านการเลี้ยง มีการรวมกลุ่มเป็นจิ้งหรีดแปลงใหญ่ 11 แปลง สมาชิก 469 ราย พื้นที่รวมกว่า 848.5 ไร่ ใน 10 จังหวัดกระจายทั่วประเทศ มีกำลังการผลิตรวมกว่า 1.1 พันตันปัจจุบันไทยมีกำลังการผลิตจิ้งหรีดรวมกว่าปีละ 7,000 ตัน ป้อนตลาดภายในและต่างประเทศ ยังไม่รวมดักแด้หนอนไหมจากเกษตรกรหม่อนไหมอีกกว่า 20,000 ราย เป็นอีกตัวเลือกที่กำลังได้รับความนิยมขณะเดียวกันเป็นที่น่ายินดี เรามีบริษัทสตาร์ตอัพคนไทย ผลิตและทำตลาดผลิตภัณฑ์ผงโปรตีนจากจิ้งหรีดเป็นรายแรกๆของโลก ส่งออกอียู แคนาดา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และมีบริษัทแปรรูปแมลงทยอยเกิดขึ้นตามมาปัจจุบันยังมีบริษัทไทยและต่างชาติลงทุนทำฟาร์มเพาะเลี้ยงในหลายพื้นที่ ตั้งโรงงานแปรรูปเพื่อส่งออก มีแบรนด์ของตัวเอง โดยมีฟาร์มที่เชียงใหม่ ขึ้นแท่นเป็นฟาร์มจิ้งหรีดระบบปิด ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเห็นหรือยัง ไทยเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง.สะ–เล–เต