หลายครั้งที่โบราณวัตถุมักปรากฏให้พบเห็นในสถานที่ที่ไม่คาดคิด ดังเช่นประติมากรรมสลักรูปสตรีสูงประมาณ 1.8 เมตร ที่จู่ๆ ถูกค้นพบในไร่ส้มใกล้ชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกโดยเกษตรกรท้องถิ่น รูปสลักได้ถูกส่งต่อให้กับสถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์แห่งชาติเม็กซิโกนำไปศึกษาจนระบุได้ว่านี่คือรูปสลักชิ้นแรกที่พบในภูมิภาคฮูอาสเตกาผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ประติมากรรมนี้อาจเป็นตัวแทนของสตรีชั้นสูงในฮูอาสเตกา มากกว่าจะเป็นรูปของเทพธิดาแต่ก็ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นส่วนผสมของทั้ง 2 ลักษณะก็เป็นได้ เพราะเทพธิดาเป็นตัวแทนแห่งความอุดมสมบูรณ์ รูปปั้นนี้ถูกแกะสลักให้มีเส้นผมและเครื่องหมายแสดงสถานะที่วิจิตรบรรจง แต่ก็มีปริศนาน่าสนใจคือปากที่อ้ากว้าง คาดคะเนว่ารูปสลักดังกล่าวจะมีอายุราวปี ค.ศ.1450-1521 เนื่องจากสถานที่ที่ค้นอยู่ใกล้กับซากปรักหักพังของเอลตาคิน นครสมัยก่อนอารยธรรมสเปนจะเข้ามานักมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฟลอริดา ในสหรัฐอเมริกาเผยว่ามีหลักฐานแสดงถึงสตรีชนชั้นสูงและผู้ปกครองหญิงในยุคก่อนการมาของสเปนค่อนข้างน้อย แต่ในปี พ.ศ. 2537 นักโบราณคดีพบสุสานของสตรีชาวมายาโบราณที่เมืองปาเลงเก (Palenque) ร่างดังกล่าวถูกขนานนามว่า “ราชินีสีโลหิต” (The Red Queen) เนื่องจากมีแร่สีแดงปกคลุมหลุมศพเต็มไปหมด ทว่าก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสตรีผู้นี้เป็นผู้ปกครองของปาเลงเก.