หน้าแรกแกลเลอรี่

หมัดไทยสู้สู้

โจโจ้

5 มิ.ย. 2567 04:40 น.

การคว้าโควตา 2 รุ่นในการเป็นเจ้าภาพจัดมวยสากลคัดโอลิมปิกเกมส์เลก 2 ทำให้เป้าหมายที่สมาคมมวยสากลวางไว้ตั้งแต่แรกสัมฤทธิผลและคุ้มค่ากับการลงทุน

เมื่อรวมกับโควตาเดิมที่คว้าไปก่อนหน้านี้เบ็ดเสร็จ 8 รุ่นที่จะไปไล่ล่าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ 2024 ถือว่ามากอยู่แต่ยังน้อยกว่าเมื่อคราวโอลิมปิกเกมส์ 2000 ที่ซิดนีย์ ครั้งนั้นทีมหมัดไทยคว้าตั๋วทั้งหมด 9 รุ่น

ตอนนี้ถือว่าโอกาสเปิดกว้างสำหรับหมัดไทยแล้ว

ต่อจากนี้ต้องเตรียมทีมให้กล้าแกร่งแบบเกินร้อยสำหรับการลงไล่ล่าเหรียญทอง

จริงอยู่แม้จะเป็นงานหนักพอสมควร ขอเพียงเทพีแห่งโชคเข้าข้างบ้างในการจับสลากแบ่งสายโอกาสหรือความหวังที่กำปั้นไทยจะมีเหรียญห้อยคอคงไม่ไกลเกินเอื้อมเท่าไหร่

เท่าที่ดูจากฟอร์มการชกตั้งแต่เลกแรกรวมถึงอีกหลายรายการ ผมยังเชื่อว่าความหวังเหรียญทองน่าจะมาจากมวยหญิงมากกว่า ด้วยรูปร่างและความแข็งแกร่งพอฟัดพอเหวี่ยงกับทุกชาติ

ไม่ใช่ว่าจะปรามาสนักชกชาย เพียงแต่รูปร่างและความแข็งแกร่งยังเป็นรอง ขณะที่ในรุ่นเล็กอย่าง “เจ้าเหลิม” ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด ในรุ่น 51 กก. ที่เคยโดดเด่นและถูกตั้งให้เป็นความหวังในโอลิมปิกเกมส์ครั้งก่อนที่ญี่ปุ่น

ดันโชคไม่เข้าข้างนั้น ได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าเข่าซ้ายฉีกขาดระหว่างฝึกซ้อมทำให้ชวดไปโอลิมปิกเกมส์อย่างน่าเสียดาย

แม้ “เจ้าเหลิม” จะคัมแบ็กคว้าโควตาในครั้งนี้ได้ แต่ดูเหมือนสภาพร่างกายยังไม่กล้าแกร่งเหมือนครั้งที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งอาจเพราะการหยุดและเรื้อเวทีนานพอสมควรเลยทำให้แกร่งไม่เหมือนก่อน

ทั้งนี้ก็จะประมาทไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าระยะเวลาหลังจากนี้ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชจะเพาะบ่มและสรรค์สร้างให้ “เจ้าเหลิม” รวมถึงนักชกหลายคนกล้าแกร่งและพีกในช่วงแข่งขันได้หรือเปล่า

แว่วๆมาว่าสมาคมมวยเสื้อกล้ามมีแผนจะพาทีมกำปั้นชุดปารีสเกมส์ไปชุบตัวต่างแดนพร้อมตระเวนแข่งแถวทวีปยุโรปก่อนจะเดินทางเข้าสู่กรุงปารีส

ถือเป็นความคิดที่โดนใจเพราะการได้ลับหมัดกับนักชกเก่งหลายชาติทำให้นักชกไทยไม่เกิดการประหม่า หรือเรียกว่า “รู้เขารู้เรา” จะทำให้เราเตรียมรับมือคู่ชกได้เป็นอย่างดี

ส่งกำลังใจไปเชียร์ครับขอให้นักชกไทยสมหวังคว้าเหรียญกลับมาสู่ประเทศไทยได้มากที่สุดเพื่อความสุขของคนไทย.

โจโจ้

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม