โจโจ้
การคว้าโควตา 2 รุ่นในการเป็นเจ้าภาพจัดมวยสากลคัดโอลิมปิกเกมส์เลก 2 ทำให้เป้าหมายที่สมาคมมวยสากลวางไว้ตั้งแต่แรกสัมฤทธิผลและคุ้มค่ากับการลงทุน
เมื่อรวมกับโควตาเดิมที่คว้าไปก่อนหน้านี้เบ็ดเสร็จ 8 รุ่นที่จะไปไล่ล่าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ 2024 ถือว่ามากอยู่แต่ยังน้อยกว่าเมื่อคราวโอลิมปิกเกมส์ 2000 ที่ซิดนีย์ ครั้งนั้นทีมหมัดไทยคว้าตั๋วทั้งหมด 9 รุ่น
ตอนนี้ถือว่าโอกาสเปิดกว้างสำหรับหมัดไทยแล้ว
ต่อจากนี้ต้องเตรียมทีมให้กล้าแกร่งแบบเกินร้อยสำหรับการลงไล่ล่าเหรียญทอง
จริงอยู่แม้จะเป็นงานหนักพอสมควร ขอเพียงเทพีแห่งโชคเข้าข้างบ้างในการจับสลากแบ่งสายโอกาสหรือความหวังที่กำปั้นไทยจะมีเหรียญห้อยคอคงไม่ไกลเกินเอื้อมเท่าไหร่
เท่าที่ดูจากฟอร์มการชกตั้งแต่เลกแรกรวมถึงอีกหลายรายการ ผมยังเชื่อว่าความหวังเหรียญทองน่าจะมาจากมวยหญิงมากกว่า ด้วยรูปร่างและความแข็งแกร่งพอฟัดพอเหวี่ยงกับทุกชาติ
ไม่ใช่ว่าจะปรามาสนักชกชาย เพียงแต่รูปร่างและความแข็งแกร่งยังเป็นรอง ขณะที่ในรุ่นเล็กอย่าง “เจ้าเหลิม” ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด ในรุ่น 51 กก. ที่เคยโดดเด่นและถูกตั้งให้เป็นความหวังในโอลิมปิกเกมส์ครั้งก่อนที่ญี่ปุ่น
ดันโชคไม่เข้าข้างนั้น ได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าเข่าซ้ายฉีกขาดระหว่างฝึกซ้อมทำให้ชวดไปโอลิมปิกเกมส์อย่างน่าเสียดาย
แม้ “เจ้าเหลิม” จะคัมแบ็กคว้าโควตาในครั้งนี้ได้ แต่ดูเหมือนสภาพร่างกายยังไม่กล้าแกร่งเหมือนครั้งที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งอาจเพราะการหยุดและเรื้อเวทีนานพอสมควรเลยทำให้แกร่งไม่เหมือนก่อน
ทั้งนี้ก็จะประมาทไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าระยะเวลาหลังจากนี้ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชจะเพาะบ่มและสรรค์สร้างให้ “เจ้าเหลิม” รวมถึงนักชกหลายคนกล้าแกร่งและพีกในช่วงแข่งขันได้หรือเปล่า
แว่วๆมาว่าสมาคมมวยเสื้อกล้ามมีแผนจะพาทีมกำปั้นชุดปารีสเกมส์ไปชุบตัวต่างแดนพร้อมตระเวนแข่งแถวทวีปยุโรปก่อนจะเดินทางเข้าสู่กรุงปารีส
ถือเป็นความคิดที่โดนใจเพราะการได้ลับหมัดกับนักชกเก่งหลายชาติทำให้นักชกไทยไม่เกิดการประหม่า หรือเรียกว่า “รู้เขารู้เรา” จะทำให้เราเตรียมรับมือคู่ชกได้เป็นอย่างดี
ส่งกำลังใจไปเชียร์ครับขอให้นักชกไทยสมหวังคว้าเหรียญกลับมาสู่ประเทศไทยได้มากที่สุดเพื่อความสุขของคนไทย.
โจโจ้