หน้าแรกแกลเลอรี่

"สุดาพร" ฝากข้อความถึงพ่อผู้ล่วงลับ ตุนทองแดงโอลิมปิก 2020 รับแล้ว 6.8 ล้านบาท

ไทยรัฐออนไลน์

3 ส.ค. 2564 14:20 น.

"แต้ว" สุดาพร สีสอนดี ผู้หญิงคนแรกของไทยที่ได้เหรียญโอลิมปิกจากมวยสากล การันตีเงินอัดฉีดแน่นอนแล้ว 6.8 ล้านบาท

วันที่ 3 ส.ค. 64 การแข่งขันมวยสากล โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รุ่นไลท์เวท น้ำหนัก 57-60 กก. หญิง รอบก่อนรองชนะเลิศ "แต้ว" อาสาสมัครทหารพรานหญิงสุดาพร สีสอนดี กำปั้นสาวไทยจาก จ.อุดรธานี ขึ้นชกกับ แคโรไลน์ ดูบัวส์ จากสหราชอาณาจักร ซึ่งผู้ชนะในรอบนี้ก็จะได้เหรียญทองแดงไว้ในมือทันที

เริ่มยกแรก สุดาพร เปิดฉากโชว์ลีลาชกได้อย่างเฉียบขาด ออกหมัดใส่คู่ต่อสู้ได้ชัดเจนแม่นยำ จนกรรมการ 5 คนให้คะแนนนำ 3-2 ยกสอง นักชกไทยเลือกชกเน้นๆ มากขึ้นแต่มาผ่อนเกมในช่วงปลายยก ทำให้คู่ต่อสู้ที่รู้ว่าเป็นรองต้องเร่งสาดหมัดเข้าใส่ได้บ้าง จบยกกรรมการให้คะแนน ดูบัวส์ นำ 3-2 ผลัดกันได้คนละยก ต้องมาตัดสินในยกสาม

จากนั้น สุดาพร ชกรัดกุมขึ้น ออกหมัดต่อยแล้วถอยหลบหาจังหวะเข้าบวกได้แม่นยำจนคู่แข่งที่แม้จะขยันเดินเข้าหา แต่ก็ออกอาวุธได้ไม่เต็มที่ จบยกนี้กำปั้นสาวไทยได้คะแนนจากกรรมการ 3-2 ทำให้คว้าชัยชนะได้สำเร็จ ด้วยคะแนนรวม 3-2 สุดาพร คว้าเหรียญทองแดงมาตุนได้แล้ว แต่ยังมีภารกิจต่อในรอบรองชนะเลิศ ที่จะเข้าไปเจอกับ เคลลี แอนน์ แฮร์ริงตัน เต็งหนึ่งดีกรีแชมป์โลกจากไอร์แลนด์ ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้

ทั้งนี้จากการคว้าเหรียญทองแดงในมือแล้วนี้ ทำให้ สุดาพร จะได้รับเงินรางวัลอัดฉีดเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและสวัสดิการนักกีฬาจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย แน่นอนแล้ว 4.8 ล้านบาท แต่หากสามารถคว้าเหรียญรางวัลอื่น คือ เหรียญทอง จะรับเงินรางวัล 12 ล้านบาท และเหรียญเงินรับ 7.2 ล้านบาท

นอกจากนี้ "แต้ว" ยังได้รับอีก 2 ล้านบาทจาก นายพิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย ที่ผนึกกำลังกับกลุ่มพันธมิตร และ บ.บางจาก คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) ตั้งเงินรางวัลอัดฉีดเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจนักมวยทีมชาติไทย แต่หากได้ถึงเหรียญทอง จะรับเงินอัดฉีด 10 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ภาคส่วน จาก บ.บางจาก คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) 5 ล้านบาท และกลุ่มพันธมิตร (ยังไม่เปิดเผยรายชื่อ) 5 ล้านบาท ส่วนเหรียญเงิน บ.บางจาก คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) มอบ 3 ล้านบาท

"แต้ว" สุดาพร กล่าวทั้งน้ำตาแห่งความดีใจว่า ก่อนขึ้นชกไฟต์นี้ "ยอมรับว่ามีความกดดัน แต่ก็พยายามจะไม่คิด เพราะอาจจะทำให้ต่อยไม่ได้อย่างที่วางแผนไว้ การวางแผนการชกไฟต์นี้ ก็พยายามศึกษาเทปการชกของคู่แข่ง ก็เห็นว่าเป็นมวยที่ต่อยยาว มีหมัดหน้าที่ดี เราก็วางแผนว่าก็ต้องปล่อยหมัดหน้าเพื่อสู้กับเขา หมัดหน้าต้องไม่ตก ก็ศึกษาเทปของเขาอยู่ 3 รอบ แล้วก็มีการทวนเชิงต่อยกับมวยซ้ายกับโค้ชและน้องใบสน"

"ส่วนรอบต่อไปที่เจอกับนักชกไอร์แลนด์ เขาเป็นมวยจังหวะฝีมือ ซึ่งเราก็ต้องกลับไปศึกษาดูเทปของเขาให้ละเอียดอีกครั้งว่า เคยเจอกันปี 2018 ที่อินเดีย ก็แพ้มา แต่รอบนี้พร้อมสู้เต็มที่เพื่อเข้าชิงเหรียญทองให้ได้"

"ตอนที่กรรมการผายมือมาที่หนูให้หนูชนะ หนูดีใจจนพูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ มันเป็นความฝันของหนู นาทีนั้นคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ ซึ่งถ้าไม่มีพ่อ หนูเองก็คงไม่มีวันนี้ เพราะพ่อเป็นคนบังคับให้หนูต่อยมวย ถ้ามีโอกาสเจอท่าน หนูอยากจะบอกว่า หนูทำได้แล้ว ถ้าพ่อยังรับรู้ หนูขอให้พ่อภูมิใจในตัวหนูนะคะ หนูทำวันนี้ได้แล้ว"

สุดาพร กล่าวอีกว่า คืนก่อนชกไฟต์นี้นอนหลับปกติดี แต่สิ่งที่เสียดายและคิดอยู่ตลอด คือ การที่พ่อไม่ได้อยู่เห็นความสำเร็จของตัวเอง เพราะพ่อเสียไปตั้งแต่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว

ขณะที่ ว่าที่ เรือโทหญิง พุทธรักษา โรคารักษ์ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า หลังจบการแข่งขัน พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับอาสาสมัครทหารพรานหญิง สุดาพร สีสอนดี หรือ น้องแต้ว ที่มุ่งมั่นตั้งใจในการเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างมีวินัย ทุ่มเท และฝึกฝนแม้จะอยู่ห้วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนผ่านเข้าสู่รอบ 4 คนสุดท้าย โดยอวยพรให้ประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งเน้นย้ำในการทำหน้าที่ ซึ่งนอกเหนือจากการเป็นตัวแทนของประเทศ ยังเป็นเสมือนทูตวัฒนธรรม ในส่วนของการแข่งขันกีฬา

แม้ชัยชนะจะเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้จักแพ้รู้จักชนะ ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไร เราควรยินดีกับผู้ชนะ ขณะเดียวกันต้องให้กำลังใจแก่ผู้แพ้ และพึงระลึกเสมอว่า เราไปแข่งกีฬาเพื่อสร้างความสัมพันธ์และมิตรภาพที่ดีต่อกัน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้บัญชาการทหารเรือเตรียมปูนบำเหน็จรางวัลให้เต็มที่ภายหลังจากอาสาสมัครทหารพรานหญิงสุดาพรเดินทางกลับ

สำหรับ อาสาสมัครทหารพรานหญิง สุดาพร สีสอนดี เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2534 ที่ อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากคณะศึกษาศาสตร์ จากสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตสุโขทัย ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาโท คณะศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต เอกสังคม ศาสนา และวัฒนธรรม วิทยาลัยทองสุข ได้รับการบรรจุเป็นอาสาสมัครทหารพรานหญิง ที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ในปี 2556 ปัจจุบันสังกัดกองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 524 ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธิน.