หน้าแรกแกลเลอรี่

“น้องเทนนิส” คว้าเหรียญทองโอลิมปิก สร้างประวัติศาสตร์เทควันโด (คลิป)

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

25 ก.ค. 2564 05:20 น.

เฮลั่นประเทศ “น้องเทนนิส” นักเทควันโดคว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์โอลิมปิก โตเกียว เกมส์ 2020 หลังดวลกับสาวน้อยวัย 17 ปี ชาวสเปน เกมสูสีสู้กันอย่างดุเดือดลุ้นระทึกเฉือนชนะแบบหวุดหวิด 11-10 สร้างรอยยิ้มให้คนไทย ส่วน 2 กำปั้นไทย “ครีม” ใบสน มณีก้อน และ “สด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ประเดิมชัยชนะแรกให้กับทีมกำปั้นไทยผ่านเข้ารอบ 16 คนสุดท้ายได้ตามเป้า ขณะที่ “บิ๊กชาย” ประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬามวยฯ เป็นปลื้มถือเป็นการประเดิมเปิดหัวให้กับทีมกำปั้นไทยในโอลิมปิกครั้งนี้

มหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยเมื่อวันที่ 24 ก.ค. เปิดฉากชิงเหรียญทองวันแรกรวมทั้งหมด 11 เหรียญทอง ทัพนักกีฬาไทยได้ลุ้นจาก 2 เหรียญทองจากเทควันโด เริ่มจาก “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวไทย รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง วัย 24 ปี เจ้าของเหรียญทองแดง โอลิมปิก ริโอ 2016 ที่ผ่านมา พาณิภัค กวาดมาหมดทุกแชมป์ในทุกรายการแล้ว เหลือเพียงก้าวไปสู่จุดสูงสุดในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ รายการนี้เพียงรายการเดียวเท่านั้น

เปิดหัวรอบแรกหรือรอบ 16 คน “เทนนิส” พาณิภัค จอมเตะหมายเลข 1 ของโลกในรุ่นนี้ ลงสนามพบอบิสแฮก เซมเบิร์ก จากอิสราเอล และ เป็นสาวไทยที่ฟอร์มเหนือกว่ามาก ดักเตะหัวได้หลายชุด เอาชนะไปได้แบบไม่ครบยก ในยกที่ 3 ทำแต้มขาด ชนะไป 29-5 ผ่านเข้ารอบ 8 คน ไป เจอกับธิ คิม ทูเย็น มือวาง 8 จากเวียดนาม ในรอบนี้ ต้องลุ้นหนัก เพราะพาณิภัคโดนนำไปก่อน แต่จากการแก้เกมของ เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอน ประกอบกับสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง “เทนนิส” ค่อยๆ เก็บทีละคะแนน แล้วแซงชนะไปอย่างไม่มีปัญหา 20-11

จากนั้นเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ พาณิภัค จอมเตะสาวไทยพบกับ มิยู ยามาดะ จากญี่ปุ่น ที่พลิกล็อกเอาชนะซิม แจยัง ตัวเต็งจากเกาหลีใต้มาได้ในรอบ 8 คน แต่ “เทนนิส” ไม่มีหวั่น ยิ่งเล่นยิ่งดี สุดท้ายเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 34-12 ทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ตุนเหรียญเงินไว้เป็นอย่างน้อย พร้อมกับลุ้นเหรียญทองประวัติศาสตร์ จะพบกับอาดรีอานา เซเรโซ อิเกลเซียส ในเวลา 19.30 น. คืนวันเดียวกัน หากทำได้สำเร็จจะเป็นเหรียญทองแรกของกีฬาเทควันโด และเป็นเหรียญทองที่ 10 ของนักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์

ต่อมาเวลา 19.30 น. รอบชิงชนะเลิศ “เทนนิส” พาณิภัค นักเทควันโดสาว ดวลกับ เอเดียนนา เซเรโซ อิเกลเซียส ม้ามืดวัย 17 ปีจากสเปน นัดนี้ เป็นไปอย่างสนุกตื่นเต้น ยกแรก สาวแดนกระทิงดุ มาดีกว่า นำไปก่อน 4-2 จากนั้นยก 2 พาณิภัคค่อยๆหาจังหวะเตะหัวสลับกับลำตัวกลับมาแซงนำ 9-6 และยกสุดท้าย สเปนฮึดสู้เตะแซงอีกครั้ง 10-9 ก่อนที่ในช่วงท้าย “เทนนิส” ที่พลาดไม่ได้อีกแล้ว จะพลิกนรกออกอาวุธแซงเอาชนะไปได้แบบหวุดหวิด ก่อนหมดเวลาเพียง 7 วินาที ด้วยสกอร์ 11-10 คะแนน กระชากเหรียญทองมาครอง เป็นเหรียญทองแรกของทัพไทย ในโตเกียวเกมส์ ครั้งนี้ พร้อมสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองแรกให้กีฬาเทควันโดได้สำเร็จและเป็นเหรียญทองที่ 10 ของทัพไทย ตั้งแต่ส่งเข้าร่วมการแข่งขัน โดยพาณิภัครับอัดฉีดไปรวมถึง 13 ล้านบาท “เทนนิส” พาณิภัคทำสถิติไม่แพ้ใครเป็นเวลา 975 วัน หรือ 2 ปี 8 เดือน 2 วัน แพ้ล่าสุดรายการเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ไฟนอล ปี 2018 ให้กับ คิม โซ ฮุ และเป็นแชมป์เมเจอร์ที่ 40 “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ และทีมเทควันโดไทย จะเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นคืนวันที่ 25 ก.ค. มีกำหนดถึงสนามบินจังหวัดภูเก็ต เข้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ วันที่ 26 ก.ค. ด้วยสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ 726 เวลา 09.25 น.

สำหรับเหรียญทองของ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เป็นเหรียญทองแรกของกีฬาเทควันโด ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก และเป็นเหรียญทองที่ 10 ของทัพนักกีฬาไทย โดยทำได้ต่อจากสมรักษ์ คำสิงห์ ที่ประเดิมได้เหรียญทองแรก จากมวยสากลสมัครเล่น รุ่นเฟเธอร์เวท โอลิมปิก แอตแลนตา 1996, วิจารณ์ พลฤทธิ์ มวยสากลสมัครเล่น รุ่นฟลายเวทชาย โอลิมปิก ซิดนีย์ 2000, มนัส บุญจำนงค์ มวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลต์เวลเตอร์เวท โอลิมปิก เอเธนส์ 2004, อุดมพร พลศักดิ์ ยกน้ำหนัก รุ่น 53 กิโลกรัมหญิง โอลิมปิก เอเธนส์ 2004, ปวีณา ทองสุก ยกน้ำหนัก รุ่น 75 กิโลกรัมหญิง โอลิมปิก เอเธนส์ 2004, สมจิตร จงจอหอ มวยสากลสมัครเล่น รุ่นฟลายเวทชาย โอลิมปิก ปักกิ่ง 2008, ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ยกน้ำหนัก รุ่น 53 กิโลกรัมหญิง โอลิมปิก ปักกิ่ง 2008, โสภิตา ธนสาร ยกน้ำหนัก รุ่น 48 กิโลกรัมหญิง โอลิมปิก ริโอ 2016 และสุกัญญา ศรีสุราช ยกน้ำหนัก รุ่น 58 กิโลกรัมหญิง โอลิมปิก ริโอ 2016

“เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดหญิงทีมชาติไทยจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันอายุ 24 ปี เป็นมืออันดับ 1 ของโลก ในรุ่น 49 กิโลกรัม เจ้าตัวสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี 

พาณิภัคเริ่มเล่นเทควันโดครั้งแรกเมื่ออายุ 9 ปี จากนั้นในปี 2554 ในช่วงอายุ 13 ปี เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ คว้าเหรียญทองจากการแข่งขันเทควันโด รุ่นไม่เกิน 42 กก. หญิงมาได้ ถูกเรียกตัวเข้ามาฝึกซ้อมและคัดเลือกเป็นนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย และฝึกซ้อมเป็นระยะเวลา 10 ปี ติดทีมชาติไทยในที่สุด สำหรับประสบการณ์การแข่งจริงนั้น เทนนิส แข่งเทควันโดมาแล้วกว่า 15 ปี คว้าเหรียญทองมาได้ในทุกรายการในทุกระดับ เช่น ศึกชิงแชมป์โลก ชิงแชมป์เอเชีย เอเชียนเกมส์ กีฬามหาวิทยาลัยโลก เป็นต้น รวมทั้งยังเป็นเจ้าของเหรียญทองแรกของไทย จากรุ่นเยาวชนหญิง น้ำหนักไม่เกิน 44 กิโลกรัม ในกีฬาโอลิมปิกเยาวชน ครั้งที่ 2 ที่เมืองหนานจิง ประเทศจีนอีกด้วย

สำหรับเงินรางวัลกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เงินรางวัลแก่นักกีฬา บุคลากรกีฬา และสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2562 โดยมหกรรมโอลิมปิกเกมส์ฤดูร้อน ระบุในเอกสารว่า หากนักกีฬาไทยคว้าเหรียญทองจะได้รับเงินรางวัลอัดฉีด 12 ล้านบาท, เหรียญเงิน 7.2 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 4.8 ล้านบาท ส่วนเงื่อนไขของการจ่ายตอบแทน มีให้เลือก 2 แบบ ส่วนแรก คือ จ่ายเป็นก้อนในอัตราร้อยละ 50 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 50 แบ่งจ่ายเป็นรายเดือน ภายในระยะเวลา 4 ปี ส่วนแบบที่ 2 จ่ายเป็นก้อนทั้งหมดในครั้งเดียว แต่เงินรางวัลจะลดลง โดยเหรียญทองได้ 10 ล้านบาท เหรียญเงิน 6 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 4 ล้านบาท นักกีฬาที่ได้เหรียญรางวัล มีสิทธิ์เลือกรับเงินรางวัลอย่างใดอย่างหนึ่ง

ขณะเดียวกัน พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ประธานสหพันธ์สมาคมกีฬาชาติ (ฟอนซา) แจ้งก่อนหน้านี้ว่า ฟอนซาร่วมกับชมรมกอล์ฟหลักสูตรสมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เพื่อความมั่นคงขั้นสูง ส่งกำลังใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทย คว้าชัยมหกรรมกีฬาโอลิมปิกโตเกียว 2020 โดยพร้อมที่จะมอบรางวัลให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย ที่ได้รับเหรียญทอง จากโตเกียวเกมส์ครั้งนี้ เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท ส่วนคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ กำหนดให้เงินรางวัลนักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัลจากกีฬาโอลิมปิกเกมส์เป็นรายเดือน รวมเวลา 20 ปี เหรียญทองเดือนละ 12,000 บาท เหรียญเงิน 10,000 บาท และเหรียญทองแดง 8,000 บาท

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์-โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แสดงความยินดีกับ น.ส.พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือน้องเทนนิส นักกีฬาเทควันโดหญิงในรุ่น 49 กก.และสมาคมเทควันโด ที่สามารถคว้าเหรียญทองแรกในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์โตเกียว 2020 โดยเอาชนะ เอเดียนนา เซเรโซ อิเกลเซียส จากสเปน เป็นเหรียญทองแรกในการแข่งขันครั้งนี้ ที่นำความภูมิใจให้กับทัพนักกีฬาไทย และเป็นเหรียญทองเหรียญแรกของกีฬาเทควันโดไทย ถือเป็นรางวัลของความมุ่งมั่นตั้งใจของนักกีฬาไทย ที่ทุ่มเทและฝึกฝนแม้จะอยู่ห้วงเวลาและสถานการณ์ที่ยากลำบาก เชื่อว่าจะเป็นกำลังใจ เพิ่มแรงใจ และความกระตือรือร้นให้กับนักกีฬาไทยในการแข่งขันประเภทอื่นๆอีกด้วย โดยนายกฯส่งกำลังใจให้นักกีฬาทุกประเภท และเชิญชวนคนไทยร่วมส่งกำลังใจเชียร์กองทัพนักกีฬาไทย ทำหน้าที่ผู้แทนประเทศไทยแข่งขันโอลิมปิกโตเกียว 2020 ถึงวันที่ 8 ส.ค.

หลังเกม “เทนนิส” พาณิภัคกล่าวว่า ชัยชนะครั้งนี้ขอมอบให้กับคนไทยทั้งประเทศ เป็นชัยชนะที่ตอบแทนความพยายามที่เหนื่อยล้าจากการฝึกซ้อมมาอย่างยาวนาน ต้องต่อสู้กับอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง นี่คือสิ่งที่ปรารถนามาโดยตลอดกับชัยชนะอันสำคัญในครั้งนี้ ตั้งใจในทุกวินาทีของการแข่งขันเมื่อไหร่ก็ตามที่ยังไม่หมดเวลา เรามีโอกาสที่จะคว้าชัยชนะได้ที่สำคัญก็คือไม่ได้กดดันตัวเอง โค้ชและผู้บริหารไม่ได้กดดันแต่อย่างใด ทุกคนบอกแต่เพียงว่าลงสนามแข่งขันให้ดีที่สุด ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์แบบที่สุด จะได้เหรียญหรือไม่ได้เหรียญไม่เป็นไร ทำให้ไม่กดดันอะไรเลย

“วินาทีที่คว้าชัยชนะนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไร คิดแต่เพียงว่าตั้งสติแล้วก็จะทำคะแนนให้ได้ไม่รู้ด้วยว่าเวลาเหลือแค่ 7 วินาที ก่อนมาแข่งขันในวันนี้เมื่อคืนที่ผ่านมานอนไม่หลับ กว่าจะหลับตีสอง เนื่องจากตื่นเต้นอาศัยมางีบที่สนามแข่งขันในช่วงรอแข่ง ยอมรับว่าตื่นเต้นมากๆก่อนจะบรรลุถึงความฝันของตัวเองได้ แต่ตั้งเป้าว่าในโอลิมปิกเกมส์ครั้งต่อไป จะลงแข่งขันและอยากได้แชมป์โลกสมัยที่ 3 ให้จงได้” พาณิภัคกล่าว

ขณะที่ “จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี วัย 25 ปี ลงสนามในรุ่น 58 กิโลกรัมชายรอบแรก 16 คน พบ ซาฟวาน คาลิล จอมเตะมากประสบการณ์วัย 35 ปี จากออสเตรเลีย แม้นัดนี้ รามณรงค์จะเสียเปรียบรูปร่างเพราะนักกีฬาจากแดนจิงโจ้มีส่วนสูงถึง 191 ซม. แต่ก็ไม่มีปัญหา “จูเนียร์” อาศัยความคล่องตัวเอาชนะไปได้ในที่สุด 23-7 ทะยานเข้ารอบ 8 คน แต่สุดท้ายไปพ่ายให้กับวิโต เดลลาควิลา มือวางอันดับ 2 จากอิตาลี แบบเอาต์สกอร์ คะแนนขาด 17-37 แต่อย่างไรก็ตาม รามณรงค์ ยังมีโอกาสได้เล่นในรอบแก้ตัว ลุ้นชิงเหรียญทองแดง เนื่องจากคู่แข่งจากอิตาลี ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ผลในรอบแก้ตัวที่ต้องชนะ 2 นัด ถึงจะได้เหรียญทองแดง แต่เพียงนัดแรก “จูเนียร์” รามณรงค์ แพ้ ซาลิม โอมา จากฮังการี ขาดในยกที่ 2 สกอร์ 22-43

ด้านมวยสากลสมัครเล่น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางมาให้กำลังใจถึงขอบเวที เปิดหัวด้วยนัก ชกไทยคนแรก รุ่นเวลเตอร์เวท 69 กก.หญิง “ครีม” ใบสน มณีก้อน ชกรอบแรกพบกับซาดัท ดัลกาโตวา นักชกสาวชาวรัสเซีย เจ้าของเหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก 2019 ที่รัสเซีย นักชกไทยได้เปรียบรูปร่างที่สูงกว่า เดินหน้าออกหมัดซ้ายเข้าใส่นักชกหมีขาวอย่างหนักหน่วงแม่นยำ ก่อนเป็นฝ่ายชนะไป 4-1 ผ่านเข้ารอบ 16 คน เจอกับหงกู่ นักชกสาวจีน วันที่ 27 ก.ค.

หลังการชก ใบสนเปิดเผยว่า ออกสตาร์ตการชกในครั้งนี้ค่อนข้างจะตื่นเต้น เนื่องจากว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาขึ้นชกในรายการใหญ่ เป็นคนแรกของทัพนักกีฬาไทยใน 4 คน ส่วนการชกนั้น 2 ยกแรกค่อนข้างดี แต่ยกสุดท้ายมีปัญหาเล็กน้อย ต้องไปปรับระบบหายใจอีกครั้ง ก่อนชกโทร.หาคุณพ่อบรรจงกับคุณแม่มลิดาที่ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอกำลังใจ ทั้งพ่อและแม่ให้ศีลให้พรมาเป็นอย่างดี ถือเป็นมงคลก่อนการขึ้นชก การชกทำตามแผนของโค้ชที่วางมาทุกอย่างถือว่างานนี้ผ่านไปได้แล้วหนึ่งด่าน มองไปทีละช็อต ขอผ่านไปแบบเป็นขั้นเป็นตอนเป็นรอบๆไป

ส่วนรุ่นเฟเธอร์เวท 57 กก.ชาย “สด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี พบ ปีเตอร์ เบอร์นาร์ด แม็กเกล จากสหราชอาณาจักร เกมการชกเป็นเจ้าสด ที่ยังใช้ความเก๋าดักต่อยเข้าเป้าได้อย่างจะแจ้งกว่า ครบยก ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี เป็นฝ่ายชนะไปอย่างขาดลอย 5-0 ผ่านเข้ารอบ 16 คนสุดท้ายพบกับเมียร์โก คูเอ็นโญ จากอาร์เจนติน­า วันที่ 28 ก.ค.

หลังการชก “เจ้าสด” เปิดใจว่า ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ตนอายุมากแล้วจะให้เข้าไปแลกคงไม่ได้ ก่อนมา “โค้ชแซม” กามนิตย์ นารีรักษ์ ปรับสไตล์การชกใหม่ให้เข้ากับการให้คะแนนในโอลิมปิกเกมส์หนนี้ ดีใจที่คว้าชัยชนะเกมแรกมาได้ แต่หนทางข้างหน้ายังยากอยู่ เพราะส่วนใหญ่เขาจะได้เปรียบความสดกว่าตน แต่มาถึงตรงนี้ไม่มีกลัวใครอยู่แล้วจะชกอย่างรัดกุมที่สุด เพราะเป้าหมายของตนคือเหรียญโตเกียวเกมส์

ขณะที่ “บิ๊กชาย” สมชาย พูลสวัสดิ์ ประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬามวยฯ กล่าวว่า ดีใจกับชัยชนะของใบสน และ ฉัตร์ชัยเดชา ถือเป็นการประเดิมเปิดหัวให้กับทีมกำปั้นไทยในโอลิมปิกเกมส์ 2020 สำหรับฟอร์มการชกถือว่าทั้งคู่ทำได้ดี เป็นธรรมดานัดแรกอาจต้องมีเกร็งกันบ้าง เพราะทุกคนห่างทัวร์นาเมนต์มานาน และยิ่งเป็นเกมใหญ่อย่างโอลิมปิกเกมส์ด้วยแล้วย่อมมีตื่นๆ บ้างเล็กน้อยสำหรับนัดแรก

สำหรับใบสนถือว่าชกได้ดีสำหรับรายการใหญ่แบบนี้ เพียงแต่ยังออกอาการเกร็งไปหน่อย ทำให้ชกไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร แต่ภาพรวมถือว่าใช้ได้ รอบหน้าเจอกับจีนต้องป้องกันตัวให้ดี กว่านี้ ไม่ใช่ถอยแบบตรงๆ จะทำให้เรามีโอกาสโดนหมัดสวนกลับง่าย ต้องถอยแบบออกข้างและต้องขยันออกหมัดหน้าให้มากกว่านี้ หมัดหลังถือว่าแม่นยำหนักหน่วงเป็นทีเด็ดในการชกรอบต่อไปได้ ส่วนเจ้าสดสบายเขาเก๋าเกมอยู่แล้วเพราะเป็นพี่ใหญ่มากด้วยประสบการณ์อยู่แล้ว

แบดมินตัน รอบแบ่งกลุ่ม หญิงเดี่ยว กลุ่มดี “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธ์ นักตบลูกขนไก่สาวไทย มืออันดับ 13 ของโลก ประเดิมชนะนัดแรกได้สำเร็จเหนือ ดาเนียลา มาซีส จากเปรู 2-0 เกม 21-4, 21-9 นัดต่อไป บุศนันทน์จะพบกับคริสติน คูบา จากเอสโตเนีย วันที่ 27 ก.ค. เวลาไทย 16.40 น. หลังเกม บุศนันทน์กล่าวว่า เหมือนเป็นฝันที่เป็นจริงได้แข่งจริงในสนามโอลิมปิก และแข่งเป็นคู่แรกของทีมไทยด้วย ส่วนฟอร์มการเล่นในนัดแรก พอใจในระดับหนึ่ง แต่ยังมีจุดที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะการปรับตัวให้เข้ากับลูกแบดและสนามเป็นฮอลล์ค่อนข้างใหญ่ แถมสปอตไลต์ในแต่ละฝั่งของสนามก็แรง จุดนี้ตนพยายามปรับให้ดีขึ้นเพื่อการลงเล่นในแมตช์ต่อไป

ส่วนหญิงคู่กลุ่มดี “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ คู่มือวางอันดับ 9 ของรายการ ต้านความแข็งแกร่งของเฉิน หยิงเฉิน กับ เจีย ยี่ฟาน คู่มือวางอันดับ 2 ของรายการจากจีน ไม่ไหว แพ้ไป 0-2 เกม 6-21, 10-21 นัดต่อไปหญิงคู่ไทยจะลงสนามพบกับศึกหนักอีกนัดเจอ คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง คู่มือวางอันดับ 5 ของเกาหลีใต้ วันที่ 25 ก.ค. เวลาไทย 08.40 น. และคู่ผสม กลุ่มบี “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มือวางอันดับ 3 ของรายการ ชนะ โจฮัว ฮูร์เบิร์ต ยู่ กับ โจไพล์ หวู่ จากแคนาดา 2-0 เกม 21-13, 21-6 นัดต่อไป คู่ผสมไทย พบ ทอม กิกคูล กับ เดลไพล์ เดลรู จากฝรั่งเศส เวลา 10.00 น.

เทเบิลเทนนิส หญิงเดี่ยว รอบแรก “ทิพย์” อรวรรณ พาระนัง นักตบลูกเด้งสาวไทย มืออันดับ 88 ของโลก มือวางอันดับ 49 ของรายการ พบ เมลานี ดิอาซ มืออันดับ 69 ของโลก มือวางอันดับที่ 37 ของรายการ จากเปอร์โตริโก โดยทั้งคู่เคยพบกันมาแล้ว ในการดวลประเภทคู่รายการเวิลด์ทัวร์ ที่ประเทศโปรตุเกส เมื่อต้นปี 2020 และเป็นอรวรรณที่คู่กับรุ่นพี่ร่วมทีมชาติอย่าง “หญิง” สุธาสินี เสวตรบุตร เป็นฝ่ายเอาชนะไป อีกทั้งโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ยังเป็นโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกในชีวิตของทั้งอรวรรณ และเมลานี อีกด้วย ผลนัดนี้ ปรากฏว่า อรวรรณเอาชนะไปได้ 4-0 เกม 13-11, 11-6, 11-8, 11-7 อรวรรณ ผ่านเข้ารอบ 2 ไปพบฮานา มาเตโลวา มืออันดับ 51 ของโลก มือวางอันดับที่ 29 ของรายการจากสาธารณรัฐเช็ก วันที่ 25 ก.ค.นี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง