น่าชื่นชม

ชั่วโมงนี้เขียนถึงชัยชนะของทีมบอลไทยเหนือยูเออีในเกมคัดบอลโลกที่เพิ่งผ่านมา แล้วมีความสุขครับ!!

ยิ่งชนะด้วยฟอร์มสดใส ไฉไล และมองไกลถึงอนาคตได้อย่างไม่ตะขิดตะขวง ยิ่งเป็นอะไรที่อิ่มอก อิ่มใจชะมัด

ต้องยอมรับว่า กุนซือซามูไร “อากิระ นิชิโนะ” คือผู้มาปลุกพลังของทีมช้างศึกให้กลับมาฮึกเหิมได้อีกครั้งอย่างแท้จริง

อย่างน้อยสิ่งที่เขาเข้ามาเปลี่ยนแปลงให้ทีมชาติไทยของเรา ก็คือ “ทัศนคติ” เชิงบวก ในการเล่นฟุตบอล

ที่ให้คิดไว้เสมอว่าเราสู้กับทุกชาติได้แน่! ถ้ามีความพยายามมากพอ

เช่นเดียวกับเรื่อง “อายุ” ของนักเตะที่เขากล้าให้โอกาสแข้งดาวรุ่งป้ายแดงลงไปพิสูจน์ความสามารถอย่างเต็มที่

โดยใช้หลักคิดง่ายๆว่า ถ้าคุณ “เก่ง” พอ คุณก็ “แก่” พอ สำหรับการรับใช้ชาติ

ดังนั้น เราจึงได้เห็นเลือดใหม่ อย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา, สุภโชค สาระชาติ, ศศลักษณ์ ไหประโคน, นิติพนธ์ เสลานนท์, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล ฯลฯ

ตบเท้าแจ้งเกิดในทีมชาติยุคนี้กันอย่างสนุก สนาน ชื่นบานอุรา

พูดถึงความยอดเยี่ยมกระเทียมดองของทีมช้างศึก ที่มีควาญมือเก๋า อย่างนิชิโนะซังเข้ามากุมบังเหียนแล้ว คงต้องให้เครดิตกับทาง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เค้าด้วย

โดยเฉพาะประมุขบอลไทย พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งตัดสินใจไม่ผิด (จริงๆ) ที่ลงทุนไปดึงตัวอดีตเฮดโค้ชทีมชาติญี่ปุ่นผู้นี้มาคุมทีมชาติไทย

ไม่เสียแรงที่ “บิ๊กอ๊อด” อุตส่าห์เทียวไล้ เทียวขื่อ ไปติดต่อเป็นธุระด้วยตัวเอง ขนาดบินไปแถลงข่าวเปิดตัวถึงแดนปลาดิบอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

ก็หวังว่านับจากนี้เป็นต้นไป ทีมชาติไทยของเราจะได้ลืมตาอ้าปาก พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างถูกทิศถูกทางอย่างที่ควรจะเป็นเสียที หลังจากที่เสียเวลา “งมโข่ง” มานานเนิ่น

อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะฝาก “บิ๊กอ๊อด” และ FA ไทยแลนด์ไว้ด้วยว่า เมื่อบอลไทยของเราเริ่มจะดูดีมีอนาคตแล้ว

ก็จงอย่าลืมเหลียวหลังมาชายตามองกลุ่มบุคคลซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “อดีตนักเตะทีมชาติ” ที่เคยสร้างความสุขสมหวังให้คนไทยทั้งประเทศเมื่อวันวานกันบ้าง

เพราะอย่างน้อยจะได้สร้าง “แรงบันดาลใจ” จากรุ่นสู่รุ่น ให้นักเตะรุ่นน้องได้เห็นว่าการรับใช้ ชาติคือเกียรติยศสูงสุดของชีวิต ที่ทุกผู้ทุกคนจะไม่มีวันลืมเลือน

ต้องชื่นชมแฟนบอลช้างศึกกลุ่มหนึ่ง ที่อุตส่าห์ทำป้าย “RIP สหัส พรสวรรค์” มาแขวนที่อัฒจันทร์ในสนาม ทั้งเมื่อวันอุ่นเครื่องคองโก และแมตช์บอลโลกกับยูเออี

เพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อการจากไปของตำนานทีมชาติไทยผู้ล่วงลับ

นี่คือความภาคภูมิใจสูงสุดของคนที่เกิดมารับใช้ชาติ ในฐานะ “นักฟุตบอล” ครับ

เสียดายสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถ้ามีองค์กรหลักที่ดูแลฟุตบอลของชาติโดยตรงเป็นผู้ดำเนินการล่ะก็

ทุกอย่างจะเพอร์เฟกต์ สวยงาม (กว่านี้)

เป็นเท่าทวีคูณ...เลยทีเดียวเชียว!!!

จ๊อกกิ้งบอย