หน้าแรกแกลเลอรี่

สเปนพ่ายดวลโทษ เจ้าภาพเข้ารอบ บดกัน 120 นาที 1-1

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

2 ก.ค. 2561 05:05 น.
บราซิลรอดับจังโก้

ล็อกถล่ม “หมีขาว” รัสเซีย แม่นเป้าดวลจุดโทษเอาชนะ “กระทิงดุ” สเปน 4-3 หลังจากยื้อยันเสมอ 120 นาที 1-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างพลิกล็อก ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนค่ำคืนนี้ (2 ก.ค.) “แซมบ้า” บราซิล ลุ้น “มาร์เซโล” หายเจ็บทันฟัดเม็กซิโก โดยแข้งเซเลซามี เนย์มาร์ ดาวยิงตัวเก่งนำทัพ ขณะที่แข้งจังโก้สภาพทีมค่อนข้างพร้อม “เออร์วิง โลซาโนคาร์ลอส เวราฮาเวียร์ ชิชาริโต เฮอร์นันเดซ” 3 ประสานแนวรุกคอยเจาะตาข่าย ถ่ายทอดสดทางช่องอมรินทร์ ทีวี ขณะที่ “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียมยิ้ม “เอเดน อาซาร์โรเมลู ลูกากู” ฟิตเปรี๊ยะพร้อมลงกะซวกตาข่ายญี่ปุ่น ด้านแข้งซามูไร มีชินจิ คากาวะ กลับมายึดตัวจริงลงสนามอีกครั้ง ททบ.5 ยิงสดให้ชมถึงบ้าน

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่สนามลุชนิกิ สเตเดียม, กรุงมอสโก “กระทิงดุ” สเปน จ่าฝูงกลุ่มบี ผลงานรอบแรก ชนะ 1 เสมอ 2 มี 5 แต้ม พบกับ “หมีขาว” รัสเซีย อันดับ 2 กลุ่มเอ ชนะ 2 แพ้ 1 มี 6 แต้ม

เริ่มเกมเป็นสเปนที่ทำได้ดีกว่าครองบอลได้มากกว่าและก็ได้ขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 12 มาร์กอส อเซนซิโอ ได้เปิดฟรีคิก เซร์คิโอ รามอส ชิงจังหวะขึ้นโหม่งกับเซอร์เก อิกนาเซวิช ก่อนบอลตกมาโดนเท้าของอิกนาเซวิช บอลลอยเข้าประตูตัวเองไปให้สเปน ขึ้นนำ 1-0 เมื่อโดนนำเป็นเจ้าภาพที่เดินเกมรุกเข้าใส่นาที 14 โรมัน ช็อบนิน ได้สับไกลแต่บอลเหินข้ามคาน จากนั้นเป็นรัสเซียที่พยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่แต่ยังไม่มีโอกาสจบสกอร์มากนัก จนนาทีที่ 37 แฟนบอลเจ้าภาพเกือบได้เฮ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ได้โอกาสสับไกแต่บอลเฉียดเสาออกไป นาที 41 อาเต็ม ซูบา กระโดดโหม่งแต่บอลไปติดมือของ เคราร์ด ปิเก กรรมการเป่าจุดโทษและเป็นซูบายิงเข้าไปตุงตาข่าย รัสเซียตามตีเสมอ 1-1 ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

เปิดฉากครึ่งหลังนาทีที่ 48 สเปน ได้ลุ้นก่อนจากจอร์ดี อัลบา แต่เข้ามืออีกอร์ อคินเฟเยฟ เกมยังเป็นของทัพกระทิงดุ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสับไกมากนัก จนมาถึงช่วงท้ายเกมนาที 86 ยาโก อัสปาส พักอกให้อันเดรส อิเนียสตา ยิงเต็มข้อแต่ไม่ผ่านมือ อคินเฟเยฟ ก่อนอัสปาสจะตามไปซ้ำแต่ก็ติดมือของนายด่านรัสเซียอีกครั้งก่อนจบ 90 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที

ช่วงต่อเวลาพิเศษนาที 101 สเปนได้ลุ้นจาก อเซนซิโอที่ได้ปั่นบอลด้วยซ้ายแต่ยังเข้ามือของ อคินเฟเยฟ นาที 105 แฟนบอลกระทิงดุได้เสียวอีกครั้ง เซร์คิโอ รามอสได้โหม่งแต่ก็เบาเกินไป นาที 109 สเปนได้โอกาสใกล้เคียงสุด โรดริโกกระชากหลุดไปในกรอบเขตแต่ยังยิงไม่ผ่านมืออคินเฟเยฟ เหมือนเดิม หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรได้ครบ 120 นาทีเสมอ 1-1 ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ รัสเซียยิงแม่นกว่าเอาชนะไปได้ 4-3 โดยรัสเซียยิงเข้าทั้งหมดจากเฟดอร์ สโมลอฟ, เซอร์เก อิกนาเซวิช, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน, เดนิส เชรีเชฟ ขณะที่สเปนอันเดรส อิเนียสตา, เคราร์ด ปิเก, เซร์คิโอ รามอส ยิงเข้า ส่วนโกเก, ยาโก อัสปาส ยิงพลาด รวมสกอร์รัสเซียเอาชนะสเปนไปได้ 5-4 พลิกผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปอย่างล็อกถล่ม

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ในค่ำคืนวันที่ 2 ก.ค. มีลงสนามฟาดแข้งกัน 2 คู่ เช่นเดียวกัน โดยคู่แรกคิกออฟเวลา 21.00 น. ที่สนามซามารา อารีนา, เมืองซามารา “แซมบ้า” บราซิล แชมป์โลก 5 สมัยที่ผ่านเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มอี ชนะ 2 เสมอ 1 มี 7 แต้ม พบกับ “จังโก้” เม็กซิโก รองแชมป์กลุ่มเอฟ มี 6 แต้ม ชนะ 2 แพ้ 1 ทั้งสองทีมเจอกันมา 40 ครั้ง บราซิล ชนะ 23 ครั้ง เสมอ 7 ครั้ง เม็กซิโก ชนะ 10 ครั้ง ผลงานที่พบกันครั้งล่าสุดบราซิลชนะ เม็กซิโก 2-0 เกมนี้ถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีช่องอมรินทร์ ทีวี (ช่อง 34) ขณะที่ทรูวิชั่นส์เคเบิลทีวี ถ่ายทอดสดทาง ทรู สปอร์ต เอชดี 3 (668) และ ทรู 4 เค แชนแนล (400)

การวางเกมในครั้งนี้ ติเต กุนซือทีมชาติบราซิล จะต้องลุ้นอาการของ มาร์เซโล แบ็กซ้ายตัวเก่งก่อนหลังจากมีอาการเจ็บหลัง ซึ่งถ้าไม่พร้อมจะเป็นฟิลิเป หลุยส์ ที่จะลงคุมแนวรับแทน แต่จะได้ดานิโล ฟิตกลับมาเป็นแบ็กขวาเหมือนเดิม ส่วนติอาโก ซิลวา, เชา มิรันดา ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ตำแหน่งอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลง เปาลินโญ ที่ยิงสุดสวยในเกมล่าสุดผนึกกำลังกาเซมิโร และฟิลิปเป คูตินโญ คุมจังหวะเกม เนย์มาร์ กองหน้าตัวเก่งจะลงล่าตาข่ายเคียงข้างกาเบรียล เชซุส และวิลเลียน เป็น 3 ประสานแดนหน้า

ขณะที่ฮวน คาร์ลอส โอโซริโอ เทรนเนอร์เม็กซิโกจะไม่มีเฮคเตอร์ โมเรโน ปราการหลังตัวเก่งที่ติดโทษแบนหลังจากสะสมใบเหลืองครบตามโควตา ฮิวโก อยาลา จะผนึกกำลังคุมแนวรับร่วมกับเอ็ดสัน อัลบาเรซ, คาร์ลอส ซัลเซโด, เฮซุส กายาร์โด แดนกลางวางเฮคเตอร์ เฮร์เรรา, อันเกรส กาวร์ดาโด ปักหลักตัดเกม เออร์วิง โลซาโน, มิเกล ลายุน, คาร์ลอส เวรา ปั้นเกมรุก แดนหน้าวางฮาเวียร์ ชิชาริโต เฮอร์นันเดซ ลงยืนหน้าเป้า

ส่วนการวิเคราะห์ของบริษัทพนันถูกกฎหมายจากประเทศอังกฤษได้ฟันธงว่า บราซิลมีโอกาสชนะค่อนข้างสูงเนื่องจากมองแนวรับของเม็กซิโกยัง ค่อนข้างเสียประตูง่าย ขณะที่โอกาสเสมอหรือแข้งจังโก้จะชนะค่อนข้างน้อย

จากนั้น เวลา 01.00 น. วันที่ 3 ก.ค. มีฟาดแข้งอีกคู่ ที่สนามรอสตอฟ อารีนา, เมืองรอสตอฟ ออน ดอน “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม จ่าฝูงกลุ่มจี ที่ชนะ 3 นัดรวดมี 9 แต้ม พบกับ “ซามูไร” ญี่ปุ่น รองแชมป์กลุ่มเอช ที่มี 4 แต้มจากผลงาน ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 ทั้งสองทีมเจอกันมา 5 ครั้ง เบลเยียม ชนะ 1 ครั้ง เสมอ 2 ครั้ง ญี่ปุ่น ชนะ 2 ครั้ง เกมนี้ถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีช่อง ททบ.5 (ช่อง 1) ขณะที่ทรูวิชั่นส์เคเบิลทีวี ถ่ายทอดสดทางทรู สปอร์ต เอชดี 3 (668) และทรู 4 เค แชนแนล (400)

การวางเกมครั้งนี้โรแบร์โต มาร์ติเนซ เทรนเนอร์กระทิงดุของเบลเยียม ได้รับข่าวดีเมื่อ เอเดน อาซาร์ และโรเมลู ลูกากู ฟิตกลับมาพร้อมลงสนามอีกครั้ง พร้อมเรียกตัวหลักที่ได้พักในเกมล่าสุดกลับมาลงสนามกันครบครัน แนวรับวางโทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, แว็งซองต์ กอมปานี, แยน แฟร์ตองเกน ยืนเป็น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โทมัส มูเนียร์, ยานนิก คาร์รัสโซ รับหน้าที่วิงแบ็กขวาและซ้ายเควิน เดอ บรอยน์, อักเซล วิตเซล คุมจังหวะเกม เอเดน อาซาร์, ดรีนส์ มาร์เตนส์ ปั้นเกมรุก โดยมีโรเมลู ลูกากู ลงยืนหน้าเป้า

ส่วนอากิระ นิชิโนะ เทรนเนอร์ญี่ปุ่น เกมนี้จะเรียกตัวของชินจิ คากาวะ และทาคาชิ อินูอิ 2 ตัวหลักที่โดนดร็อปในเกมนัดแพ้โปแลนด์ 0-1 กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ผู้รักษาประตูเออิจิ คาวาชิมะ ลงเฝ้าเสา แนวรับวางโกโตกุ ซากาอิ, เกน โชจิ, มายะ โยชิดะ, ยูโตะ นากาโตโมะ ยืนเป็นแผงแบ็กโฟร์ มาซาโตะ อาซาเบะ กัปตันทีมจับมือกับกาคุ ชิบาซากิ คุมจังหวะเกม โฮตารุ ยามากูจิ, ชินจิ คากาวะ, ทาคาชิ อินูอิ ปั้นเกมรุก ยูยะ โอซาโกะ จะเบียดชินจิ โอคาซากิ ลงยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า

ขณะที่จากการวิเคราะห์ของบริษัทพนันถูกกฎหมายจากประเทศอังกฤษฟันธงว่า เบลเยียมน่าจะเอาชนะไปได้แบบไม่ยากเย็นเพราะเหนือกว่าเยอะ ขณะที่โอกาสเสมอก็ยังพอมีบ้างแต่ก็น้อย ส่วนโอกาสที่ญี่ปุ่นจะพลิกชนะแทบจะไม่มีเลย