หน้าแรกแกลเลอรี่

วันดับของ 2 ‘GOATs’

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

2 ก.ค. 2561 05:01 น.

อย่าหาว่า “จ่าแฉ่ง” มูมมาม หรือไร้มารยาทเลยนะครับ หาก จะสูดปากจ๊วบๆบ้าง หรือไม่ก็ซี้ดซ้าดบ้างไปตลอดขณะเขียน ต้นฉบับวันนี้จะให้นั่งเฉยพับเพียบเรียบร้อยเป็นลูกผู้ดีได้ยังไงล่ะครับ เพราะบอลโลกรอบน็อกเอาต์ 16 ทีม 2 คู่ เปิดหัววันแรกสุดแสนจะมันส์มหามันส์ถึงขนาดนั้น

ก่อนจะพรรณนาถึงเนื้อหาแห่งความสนุกสุดของทั้ง 2 คู่ คงต้องขออนุญาตอรรถาธิบายถึงภาษาประกิต คำว่า “GOAT” ที่พาดหัวไว้ซะก่อน

คำนี้มิใช่มาจากคำว่า Goat ที่แปลว่า “แพะ” อย่างที่เราเรียนกันตอนมัธยมต้นนะขอรับ แต่เป็นอักษรย่อของวลีที่ว่า “Great of all time”

แปลตรงๆตัวก็คือ “ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล” นั่นเอง เมื่อหยิบเฉพาะอักษรย่อมาเรียงกันจึงกลายเป็น GOAT เขียนด้วยอักษรตัวใหญ่ หรือบางครั้งก็เขียนว่า G.O.A.T. ใส่จุดเอาไว้ด้วย

อักษรย่อนี้เริ่มใช้ครั้งแรกในการรายงานข่าวบาสเกตบอล NBA ที่ใช้เรียกผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของบาสเกตบอล อาทิ ไมเคิล จอร์แดน เป็นต้น

ต่อมาทางฟากผู้สื่อข่าวกีฬาอังกฤษก็เอามาใช้มั่ง โดยเอามาใช้กับรายงานข่าวฟุตบอล ยกย่องให้หลายๆคนเป็น GOAT เช่น เปเล่ เป็นต้น

รวมทั้งยังคาดหวังที่จะใช้เรียกกับ ลิโอเนล เมสซี กับ คริสเตียโน โรนัลโด หากฝากผลงานได้อย่างยิ่งใหญ่ในบอลโลกครั้งนี้

ทว่าทั้ง เมสซี และ เดอะโด้ ต่างก็ไม่สามารถช่วยทีมของตนได้ ส่งผลให้ทีม อาร์เจนตินา ฟ้าขาวกลับกลายเป็นฟ้าหม่น และ โปรตุเกส ฝอยทองก็กลายเป็นฝอยขัดหม้อตกรอบ 16 ทีมไปทั้งคู่

เขาจึงพาดหัวไว้ว่า “Ten goals but no GOAT” แปลตรงตัวว่า“สิบประตูแต่ไม่มีผู้ยิ่งใหญ่”

เป็นที่มาของวลี “วันดับของ 2 GOATs” ที่จ่าแฉ่งหยิบยืมมาใช้ในวันนี้

ทีนี้เราก็มาดูในรายละเอียดกันบ้าง คู่แรก ฝรั่งเศส 4 ประตู อาร์เจนตินา 3 ประตูนั้น ต้องยอมรับว่าเป็นคู่มันส์ที่สุดอีกคู่หนึ่งของฟุตบอลโลก 2018

อาจจะมันกว่าคู่ โปรตุเกส 3 สเปน 3 ในรอบแรกด้วยซ้ำไป เพราะยิงประตูมากกว่ากัน 1 ประตู

รูปเกมฝรั่งเศสเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะลูกโต้กลับทั้งเร็วและคมสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กองหลังฟ้าขาวได้ทุกครั้งที่พาลูกข้ามแดนเข้ามาทะลุทะลวงเยี่ยมที่สุดได้แก่ เจ้าหนู คีเลียน เอ็มบัปเป ที่ซัดได้ถึง 2 ประตูในนัดนี้กลายเป็นนักเตะวัยทีนหรือ “ทีนเอจ” คนที่ 2 รองจาก เปเล่ ที่สามารถซัลโวประตูได้ 2 ประตู ในนัดเดียวกันของเวิลด์คัพ เมื่อปี 1958 ที่สวีเดน

ที่ต้องใช้คำว่า “รอง” ก็เพราะ เอ็มบัปเป เป็นวัยทีน 19 ขวบ แต่ เปเล่ ตอนนั้นเป็นวัยทีนกระเตาะกว่า แค่ 17 ขวบเท่านั้นเอง

ทันทีที่การแข่งขันจบลง เจ้าหนุ่มวัย 19 ปี เอ็มบัปเป ก็เดินไปจับมือกับชายกลางคนอายุ 31ปี ลิโอเนล เมสซี ซึ่งช่างภาพฝรั่งไม่รอช้าเผยแพร่ออกมาทันที

พร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพว่า ความยิ่งใหญ่กำลังจะเปลี่ยนผ่านแล้ว จากยุคของ เมสซี ไปสู่ยุคของ เอ็มบัปเป ในไม่นานเกินรอ

เผลอๆก็ในบอลโลกคราวนี้แหละครับโปรดติดตามดูอย่างไม่กะพริบตาเอาไว้เหอะ

ไปที่คู่หลังกันบ้างขอสดุดีและไว้อาลัยแก่คริสเตียโน โรนัลโด วัย 34 ปี สักเล็กน้อยเพราะแม้ ฝอยทอง จะแพ้ อุรุกวัย จอมโหดไป 1 ต่อ 2 แต่ก็ต้องบอกว่าสู้กันสมศักดิ์ศรี

โดน เอดินสัน คาวานี ซัดลูกแรกสุดสวยให้จอมโหดนำไปก่อน 1-0 เพียงนาทีที่ 7 โปรตุเกสภายใต้การนำของเดอะโด้ก็มิได้ย่อท้อกลับมาโขกเสมอได้ โดยยอดกองหลัง เปเป้ ในน.55

จริงๆแล้วรูปเกมเป็นต่อด้วยซ้ำเพียงแต่จบสกอร์ไม่ได้ แถมมาพลาดโดน คาวานีซัดลูก 2 ได้ในอีก 7 นาทีต่อมา กลายเป็นอุรุกวัยนำ 2-1

จากนั้นเดอะโด้และพลพรรคก็บุกแหลกแต่ก็ขาดนิดเกินหน่อย ในที่สุดจึงจบลงด้วยความปราชัย

อย่างไรก็ตาม สำหรับ “เดอะโด้” ภาพโดยเฉลี่ยดูดีกว่า “เมสซี” เยอะเลย เพราะมีส่วนกับการรุกการรับของฝอยทองโดยตลอด

ตรงข้ามกับ เมสซี วันนี้บทบาทน้อยจริงๆ

สรุปของสรุปผลจากการแข่งขันรอบ 16 ทีม 2 คู่แรกทำให้เราได้คู่แรกของรอบหน้า ซึ่งเป็นรอบ 8 ทีมเรียบร้อย

“ตราไก่” เจอ “จอมโหด” ซึ่งเท่ากับยุโรปเจออเมริกาใต้ อีกแล้ว--อุรุกวัย จะล้างแค้น ฝรั่งเศส แทน อาร์เจนตินา ได้หรือไม่ ตามปฏิทินที่กำหนดไว้... คู่นี้เจอกัน 3 ทุ่มวันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคมที่จะถึง

เตรียมตัวสูดปากล่วงหน้าได้เลยครับ... ท่านผู้ชม!

“จ่าแฉ่ง”