ไทยรัฐฉบับพิมพ์
กระทิงดุคึกคะนอง รอดวลกับเจ้าภาพ
ฝรั่งเศสเฉือนอาร์เจนตินา ไปอย่างสุดมัน 4-3 “คีเลียน เอ็มบัปเป” ระเบิดฟอร์มยิง 2 เม็ดพา “ตราไก่” เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นทีมแรก ขณะที่ “ฟ้าขาว” ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ส่วนคืนนี้ (1 ก.ค.) มีฟาดแข้ง 2 คู่ เริ่มคิกออฟ 21.00 น. “กระทิงดุ” สเปน จัดเต็มส่งชุดใหญ่ปรับทัพใช้ระบบคู่หัวหอก “ดิเอโก คอสตายาโก อัสปาส” หวังถล่มตาข่ายรัสเซีย เจ้าภาพ ขณะที่ “หมีขาว” ยังไม่มีอลัน ซาโกเยฟ ส่วนอิกอร์ สโมลนิคอฟ ฟูลแบ็กตัวเก่งติดโทษแบน โดยมี อังเดร เชริเชฟ นำทัพ ถ่ายทอดสดทางช่อง ททบ.5 ส่วนอีกคู่ลงเตะเวลา 01.00 น. “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ที่ชนะมา 3 เกมรวดมี ลูกา โมดริช กัปตันทีมบัญชาเกมกลางสนาม ส่วน “โคนม” เดนมาร์ก ก็ฟูลทีมตัวหลักอยู่กันครบ มีคริสเตียน อีริคเซน เป็นตัวชูโรง เกมนี้ ทรูโฟร์ยูยิงสดให้ชมถึงบ้าน
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย เข้าสู่ความเข้มข้นขึ้นเมื่อมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยในวันที่ 30 มิ.ย. เริ่มเวลา 21.00 น. เป็นการเตะระหว่างทีมชาติ “ฝรั่งเศส” กับทีมชาติ “อาร์เจนตินา” และต่อด้วยเวลา 01.00 น. วันที่ 1 ก.ค. เป็นการพบกันระหว่างทีมชาติอุรุกวัยกับทีมชาติโปรตุเกส
ทั้งนี้ การแข่งขันระหว่างอาร์เจนตินา รองแชมป์กลุ่มดี ผลงานรอบแรก ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 4 แต้ม พบ “ตราไก่” ฝรั่งเศส ที่วางอองตวน กรีซมันน์, โอลิวิเยร์ ชิรูด์, คีเลียน เอ็มบัปเป ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้า ส่วน “ฟ้าขาว” มีลิโอเนล เมสซี กองหน้ากัปตันทีมเป็นตัวชูโรง
เปิดฉากมานาทีที่ 7 ฝรั่งเศสได้ลุ้น อองตวน กรีซมันน์ ได้ปั่นฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษไปชนคานเด้งออกไป แต่นาทีที่ 11 แฟนบอลตราไก่ก็ได้เฮ คีเลียน เอ็มบัปเป โดนฉุดล้มลงในเขตโทษ ก่อนเป็นกรีซมันน์ ที่ยิงจุดโทษเข้าไป ฝรั่งเศสขึ้นนำ 1-0 นาที 19 เอ็มบัปเปก็ยังป่วนแนวรับอาร์เจนตินาได้ตลอด โดนทำฟาวล์หน้าเขตโทษ แต่ปอล ป็อกบา ยิงข้ามคานไม่ได้ลุ้น หลังจากนั้นอาร์เจนตินาเริ่มคุมเกมเอาไว้ได้ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้จบสกอร์ จนนาทีที่ 41 สาวกฟ้าขาวก็ได้เฮกันสนั่นเมื่ออังเคล ดิ มาเรียได้บอลตรงหน้ากรอบเขตโทษบรรจงยิงด้วยซ้ายบอลพุ่งหนีมือฮูโก โยริส นายด่านฝรั่งเศส เข้าไปตุงตาข่าย อาร์เจนตินาตีเสมอ 1-1 ก่อนจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
เปิดฉากครึ่งหลังมาได้แค่ 3 นาที แฟนบอลตราไก่ก็ต้องเงียบกริบเมื่อลิโอเนล เมสซี กัปตันทีมยิงในกรอบเขตโทษ กาเบรียล เมร์กาโด ใช้เท้าสะกิดเปลี่ยนทางบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้อาร์เจนตินาพลิกขึ้นนำ 2-1 แต่นาที 57 แฟนบอลอาร์เจนก็ซึมบ้างเมื่อลูกัส แอร์นองเนซ แบ็กซ้ายฝรั่งเศส เปิดครอสจากฝั่งซ้ายบอลเลยมาฝั่งขวา เบนจามิน ปาวาร์ แบ็กขวาวิ่งเข้ามาวอลเลย์แบบเฉือนๆ บอลไซด์ก้อยลอยเข้าไปเสียบเสาไกลตุงตาข่ายอย่างสวยงาม ฝรั่งเศส ตามตีเสมอ 2-2 นาที 64 เอ็มบัปเปเลี้ยงแหวกเข้าไปในเขตโทษ ก่อนซัดผ่านมือฟรังโก อาร์มานี เข้าไปตุงตาข่าย ฝรั่งเศสขึ้นนำ 3-2 ถัดมาอีก 4 นาที ชิรูด์จ่ายบอลตัดแนวรับอาร์เจนตินาให้เอ็มบัปเป ซัดด้วยขวาส่งบอลไปนอนก้นตาข่ายเป็นประตูที่ 2 ของตัวเองให้ฝรั่งเศสขึ้นนำ 4-2 หลังจากโดนนำห่าง อาร์เจนตินาพยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่ นาทีที่ 85 ลิโอเนล เมสซี ตัดบอลได้ก่อนกระชากหนีแนวรับฝรั่งเศสไปในเขตโทษแต่บอลเข้าเท้าขวายิงไม่ถนัดบอลเข้ามือของฮูโก โยริส แต่อาร์เจนตินายังไม่ยอมแพ้ ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 3 เซร์คิโอ อเกวโร กระโดดโขกบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ “ฟ้าขาว” ไล่ตามมา 3-4 จากนั้นช่วงทดบาดเจ็บนาทีที่ 6 อาร์เจนตินา เกือบตีเสมอได้ มักซิมิเลียโน เมซา เปิดบอลไปหน้าประตู แต่ดิ มาเรีย วอลเลย์ไม่ถนัดเหินข้ามคานไป จบเกม ฝรั่งเศสเอาชนะอาร์เจนตินาไปได้ 4-3 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปรอพบผู้ชนะระหว่าง อุรุกวัยกับโปรตุเกส
จากนั้น ในค่ำวันที่ 1 ก.ค. คิกออฟเวลา 21.00 น. ที่สนามลุซนิกิ สเตเดียม, กรุงมอสโก “กระทิงดุ” สเปน ที่เข้ารอบมาเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม บี ด้วยผลงาน ชนะ 1 เสมอ 2 มี 5 แต้ม พบกับ “หมีขาว” รัสเซีย เจ้าภาพ ที่เข้ารอบมาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอ ด้วยผลงาน ชนะ 2 แพ้ 1 มี 6 แต้ม ผลงานเจอกันมา 6 ครั้ง สเปน ชนะ 4 ครั้ง เสมอ 2 ครั้ง พบกันครั้งล่าสุดปี 2017 รัสเซีย เสมอ สเปน 3-3 เกมนี้ถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีช่อง ทบบ.5 (ช่อง 1) ขณะที่ทรูวิชั่นส์เคเบิลทีวี ถ่ายทอดสดทางทรู สปอร์ต เอชดี 3 (668) และทรู 4 เค แชนแนล (400)
การวางเกมเล่น เฟอร์นันโด เอียร์โร กุนซือทีมชาติสเปน เกมนี้จะปรับทัพมาเล่นในระบบคู่หัวหอกเพื่อหวังทะลวงประตู ในระบบ 4-3-1-2 ผู้รักษาประตูยังวางใจดาวิด เด เคอา ลงเฝ้าเสาเป็นมือ 1 ต่อไปแม้ว่าฟอร์มไม่ค่อยดี แนวรับวาง ดาเนียล กาบาร์ฮาล, เคราร์ด ปิเก, เซร์คิโอ รามอส และ จอร์ดี อัลบา ยืนเป็นแผงแบ็กโฟร์ อันเดรส อิเนียสตา ขับเคลื่อนเกมกลางสนามร่วมกับโกเก และเซร์คิโอ บุสเกสต์ โดยมีอิสโก ปั้นเกมรุก แดนหน้าส่งยาโก อัสปาส ลงล่าตาข่ายคู่กับดิเอโก คอสตา ที่ซัดไปแล้ว 3 ประตู
ขณะที่สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ กุนซือทีมชาติรัสเซีย ยังไม่สามารถใช้งานของอลัน ซาโกเยฟ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งเนื่องจากยังไม่ฟิต ขณะที่อิกอร์ สโมลนิคอฟ ติดโทษแบนหลังจากโดนไล่ออก ทำให้ มาริโอ เฟอร์นานเดส ลงคุมแนวรับร่วมกับเซอร์เก อิกนาเชวิช, อิลยา คูเปตอฟ, เฟดอร์ คูเดอร์ยาซอฟ แดนกลาง ยูริ กาซินสกี, โรมัน ช็อบนิน คุมจังหวะเกม อังเดร เชริเชฟ ผนึกกำลัง อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ปั้นเกมรุก แดนหน้าวางอาร์เต็ม ซูบา กองหน้าร่างยักษ์ลงยืนหน้าเป้า
ด้านการวิเคราะห์ของบริษัทพนันถูกกฎหมายจากประเทศอังกฤษฟันธงว่า สเปนน่าจะเข้าวินได้ไม่ยาก ขณะที่โอกาสเสมอมีมากกว่าที่รัสเซียจะเก็บชัยชนะได้
ส่วนอีกคู่เวลา 01.00 น. วันที่ 2 ก.ค. ที่สนาม นิชห์นีย์ นอฟโกร็อด สเตเดียม, เมืองนิชห์นีย์ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ที่เข้ารอบมาเป็นอันดับ 1 กลุ่มดี ด้วยผลชนะ 3 นัดรวด 9 แต้มเต็ม พบกับ “โคนม” เดนมาร์ก รองแชมป์กลุ่มซี ด้วยผลงาน ชนะ 1 เสมอ 2 นัด มี 5 แต้ม ทั้งสองทีมเจอกันมา 5 ครั้ง โครเอเชีย ชนะ 2 ครั้ง เสมอ 1 ครั้ง
เดนมาร์ก ชนะ 2 ครั้ง พบกันครั้งล่าสุดในปี 2004 เดนมาร์ก แพ้ โครเอเชีย 1-2 เกมนี้ถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีช่องทรูโฟร์ยู (ช่อง 24) ขณะที่ทรูวิชั่นส์เคเบิลทีวี ถ่ายทอดสดทางทรู สปอร์ต เอชดี 3 (668) และทรู 4 เค แชนแนล (400)
ในเกมคืนนี้ ซลัตโก ดาลิช กุนซือโครเอเชีย เตรียมเรียกนักเตะตัวหลักกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง หลังจากพักเอาไว้ในเกมพบไอซ์แลนด์ แนวรับวางซิเม เวอร์ซาลโก, เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วิดา, อิวาน สตรินิช ยืนเป็นแผงแบ็กโฟร์ มาร์เซโล โบรโซวิช ปักหลักตัดเกม ลูกา โมดริช, อิวาน ราคิติช ขับเคลื่อนเกม อิวาน เปริซิช, อันเต เรบิช ปั้นเกมรุก โดยมี มาริโอ มานด์ซูคิช กลับมายืนหน้าเป้าอีกครั้ง
ขณะที่อเก อาไรเด กุนซือเดนมาร์ก ยังไม่มี วิลเลียม ควิสต์ ที่เจ็บ แต่จะได้ยุสซุฟ โพลเซน มิดฟิลด์ตัวรุกตัวเก่งพ้นแบนกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง โดยเกมนี้จะลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 ผู้รักษาประตู แคสเปอร์ ชไมเคิล ลงเฝ้าเสา มาธิอัส ยอร์เกนเซน ลงคุมแนวรับร่วมกับยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ซิมง เคียร์ และเยนส์ สไตเกอร์ ลาร์เซน เหมือนเดิม พร้อมดันอันเดรียส คริสเตียนเซน ขึ้นไปปักหลักตัดเกมเคียงข้างโทมัส เดลานีย์ เกมรุก คริสเตียน อีริคเซน ผนึกกำลัง ยุสซุฟ โพลเซน, ปิโอเน ซิสโต ปั้นเกมรุก แดนหน้า อันเดรียส คอร์เนลิอุส น่าจะออกสตาร์ตตัวจริงอีกเกม
สำหรับแนวโน้มจากการวิเคราะห์ของบริษัทพนันถูกกฎหมายจากประเทศอังกฤษฟันธงว่า โครเอเชียน่าจะชนะได้ไม่ยากหลังฟอร์มเยี่ยมชนะ 3 นัดรวด ส่วนโอกาสเสมอก็มีเช่นกัน ขณะที่เดนมาร์ก ลุ้นพลิกชนะเป็นไปได้น้อย