"รู้เขา-รู้เรา" เพื่อเหรียญทองประวัติศาสตร์

ล่าสุด “บิ๊กเอ” ได้ประกาศออกมาแล้วว่า จะส่งทีมงานสตาฟฟ์โค้ชเดินทางไปเก็บข้อมูลคู่แข่งจากทั่วโลก ที่อาจมีสิทธิ์ปะทะฝีมือกับจอมเตะไทยใน "โตเกียวเกมส์" กลางปีนี้

หลายคนอาจจะมองว่า ทีมงานของเทควันโดไทยจะทำได้อย่างไรกัน ในเมื่อนักเทควันโดทั่วโลกที่อาจได้โควตาโอลิมปิก มีเป็นร้อยคน หรือถ้าจะเก็บข้อมูลกันจริง ๆ ระยะเวลาแค่ไม่กี่เดือนหลังจากนี้จะทันเหรอ???

เอาจริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะส.เทควันโดยืนยันแล้วว่า จะโฟกัสไปเพียงแค่ 4 รุ่นเท่านั้น ซึ่งเป็นรุ่นที่จอมเตะไทยมีลุ้นได้โควตา โดยหนึ่งในนั้นได้ตั๋วแน่นอนแล้ว คือรุ่น 49 กก.หญิง ของ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่ยืนหนึ่งของรุ่น และเป็นตัวเต็งที่จะซิวทองครั้งนี้

ส่วนอีก 3 รุ่นที่ต้องโฟกัสคือ รุ่น 57 กก.หญิง ของ “น้องนก” พรรณภา หาญสุจินต์ แชมป์โลกคนล่าสุด, รุ่น 68 กก.ชาย ที่กำลังคัดเลือกหาตัวแทนทีมชาติ

และในรุ่น 58 กก.ชาย ที่สองจอมเตะตัวกลั่นอย่าง "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี กับ "เทม" เทวินทร์ หาญปราบ ต้องแย่งชิงกันเอง

ซึ่งหลังจากตัดให้เหลือเพียงแค่ 4 รุ่นนี้ การทำงานของทีมสตาฟฟ์ก็จะง่ายขึ้น เพราะจะมีคู่แข่งให้ต้องไปล้วงไต๋เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ไล่ ๆ ดูก็คงมีแต่ตัวท็อป ๆ เท่านั้น ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

โดยหลังจากที่เก็บข้อมูลมาได้ ทั้งในรูปแบบของวิดีโอการแข่งขัน รวมไปจนถึงแท็กติกต่าง ๆ แล้ว งานหนักต่อมาก็ตกอยู่ที่ “โค้ชเช” ซึ่งจะเป็นหัวหอกในการนำข้อมูลเหล่านี้ มาวิเคราะห์เป็นข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียดอีกครั้ง

แต่ถ้าว่าหนักขนาดนี้จะเป็นปัญหาไหม เชื่อขนมกินได้เลยว่า โค้ชจอมเฮี้ยบชาวเกาหลีใต้หัวใจไทยรายนี้ ไม่เคยหวั่น แถมชอบด้วยซ้ำที่จะมีวัตถุดิบในมือ ให้สามารถใช้สอยได้อย่างสบายใจ ระหว่างการแข่งขันรอบมหกรรมที่ญี่ปุ่น

ดังนั้นไม่ว่าผลลัพธ์จากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ต้องขอชื่นชมในความตั้งใจ และการทำงานหนักของทั้งผู้บริหาร และสตาฟฟ์โค้ชเทควันโดทีมชาติไทย ในการก้าวไปสู้เป้าหมาย

ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยในวันนี้ แต่ถ้าแลกมาด้วยเหรียญทองโอลิมปิกที่หลายคนเฝ้าฝัน เชื่อว่ามันคือการแลกที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก.