หน้าแรกแกลเลอรี่

เชียร์ไทย ระลึกชาติ

เบี้ยหงาย

2 มิ.ย. 2562 05:01 น.

บ้านเมืองเราในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนสงบ ดูเหมือนผ่อนคลาย ไม่มีกิจกรรมบนท้องถนน คล้ายกับว่ามีความสุข ร่มเย็น แตกต่างจากในอดีตก่อนหน้านั้น

จนหลายคนหยิบยก ชี้ชวน ให้เห็นถึงคุณประโยชน์อันน่ายกย่องยิ่ง เป็นพระคุณท่วมท้นของการนำมาซึ่งความสุข สงบ ในภาวะเช่นนี้ที่ไม่มีการประท้วงจากม็อบกลุ่มต่างๆ นี่คือความสำเร็จ และคล้ายกับว่า เป็นบรรยากาศที่ดีเยี่ยม เหนือกว่าบรรยากาศภายใต้กลิ่นอายของประชาธิปไตยที่โหยหาเรียกร้องกัน

ต่อเนื่องถึงการเปลี่ยนผ่านเมื่อมีการเลือกตั้ง ความหวัง ความคาดหวัง แม้ว่าจะมีเงื่อนปมมากมาย อันมาจากกฎกติกาที่ซับซ้อน คลุมเครือ ต้องตีความและส่อไปในทางเจตนาที่จะบันดาลให้เป็นไปในทางไหน

สังคมก็ยังวาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลง ส่งผ่าน ไปในทางที่ดีขึ้น!

แต่จนถึงบัดนี้ การเลือกตั้งผ่านไปนมนาน เรายังไม่มีนายกรัฐมนตรี เรายังไม่มีคณะรัฐมนตรี บรรยากาศของการขยับเขยื้อนสู่ประชาธิปไตย ยังปกคลุมด้วยความวุ่นวาย เหนื่อยหน่าย

วุ่นด้วยการประหัตประหารกันจากการฉกฉวยเงื่อนปมของกฎกติกาที่วางเอาไว้ สนองตอบต่อกลุ่มอิทธิพล ในหลากหลายมิติ วุ่นด้วยพฤติกรรมของการรักษา แสวงหา ยื้อแย่ง ให้ได้มาซึ่งอำนาจ

วุ่นด้วยความประพฤติกริยา อันส่อสันดานของบุคคลในตำแหน่งต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ทรงเกียรติ และผู้มีอำนาจหน้าที่ในตำแหน่งหลัก

สังคมยามนี้น่าอึดอัด มากด้วยพฤติกรรมที่ไม่สนหลักการ เหตุผล ทำอะไรก็ได้เพื่อให้เป้าหมายฝ่ายตนสัมฤทธิผล จนสัมผัสรับรู้ถึงความด้านหนาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!!!

ยุคนี้ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยน อิงแอบ หลบๆซ่อนๆ กลับต้องเด่นชัด ท้าทายให้สังคมได้เห็นกันเต็มตา ถูกผิดไม่ต้องคำนึง เหตุผลมีไว้อธิบายสิ่งที่จะทำตามธงที่ตั้งไว้

ยิ่งน่าตกใจ เมื่อความแตกต่าง หลากหลายมาตรฐาน ที่นำไปสู่การกระทำกับผู้คน เมื่อมีกลุ่มคนที่เจ็บช้ำ ก็มีกลุ่มคนผู้สะใจ ไม่ว่าเหตุและผลจะเป็นอย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไร นี่คือความรู้สึกของผู้คนในสังคมที่อยู่ร่วมกัน ส่อถึงบริบทของความ “แตกแยก” อย่างชัดเจน

ซึ่งจะปล่อยให้ความรู้สึกเช่นนี้ เกาะกุม ฝังลึก เช่นนี้หรือ

ใครก็ตามที่อยากจะเข้ามามีอำนาจ ใครก็ตามที่อยากจะสืบทอด ยึดครอง แต่การปล่อยให้ความรู้สึกอย่างนี้ดำรงอยู่ไปเรื่อยๆเพื่อเป็นประโยชน์ต่อตน กลุ่มตน ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ ยังมีหน้าจะเอ่ยเอื้อน เพื่อชาติ เพื่อประชาชน ได้อีกหรือ

วันนี้ วันที่หลายๆคนมีธงอยู่ในใจ และธงนั้น “แตกต่าง” กันอย่างสิ้นเชิง พร้อมจะชี้หน้าผู้ที่คิดเห็นอยู่ตรงข้ามได้อย่างสะใจ ถือเป็นความผุกร่อนของสังคมชาติ

ไม่ต้องรอผู้นำหน้าไหน เราๆท่านๆทำได้ไม่ยาก

ลองหยุดกันนิด เหลียวมองหานักกีฬาทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นกีฬาอะไรก็ตามที่สนใจ

หาเวลาดูและเชียร์นักกีฬาไทยในเวทีต่างๆ

แล้วจะค้นพบถึงสิ่งหนึ่งที่ดำรงอยู่ในตัวเราทุกคน ไม่ว่านักกีฬาไทยเราจะชนะ หรือ แพ้ เล่นดีเล่นห่วย แต่สิ่งที่จะบังเกิดขึ้นคือ ความรู้สึกร่วมของเผ่าพันธุ์ไทย ร่วมแพ้ ร่วมชนะ ร่วมทุกข์ และร่วมสุข

เชียร์กีฬา ระลึกชาติ ระลึกถึงความเป็นชาติไทยของเราทุกผู้คน...

“เบี้ยหงาย”