ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ กกท. เตรียมเสนอแผน 15 ปี เพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาใหญ่ระดับนานาชาติในอนาคต ให้ “ซุปเปอร์ บอร์ด” คณะกรรมการนโยบายกีฬาแห่งชาติ พิจารณา พร้อมยกจังหวัดชลบุรี เป็นโมเดลแรกที่จะใช้เป็นสถานที่จัดการชิงชัย โดยหากได้เป็นเจ้าภาพเกมใด ก็จะเริ่มสร้างสนามรองรับจากเกมหนึ่งไปสู่เกมที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปและเหมาะสม ด้านแผนเตรียมนักกีฬาไทยไปลุยศึกซีเกมส์ 2019 รอดูท่าทีเจ้าภาพฟิลิปปินส์จะปรับลดชนิดกีฬาลงตามข่าวจริงหรือไม่ ถ้าจริง กกท. พร้อมที่จะยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา...
“รองตูน” นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา เปิดเผยว่า สำหรับแนวทางของการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาใหญ่ของไทยนั้น ในขณะนี้ กกท. กำลังเตรียมที่จะเสนอแผน 15 ปี เพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติในอนาคต ให้ “ซุปเปอร์บอร์ด” คณะกรรมการนโยบายกีฬาแห่งชาติได้พิจารณา ทั้งนี้การเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬา จะต้องมีการวางแผน ที่ดี และวางแผนในระยะยาว เริ่มจากเกมเล็กไปใหญ่ จะเป็นการดีที่สุด ไม่ใช่เสนอจัดเกมใดเกมหนึ่งเพียงครั้งเดียว แล้วก็จบลงแค่นั้น ทั้งนี้แผนดังกล่าวยังรวมไปถึงการเตรียมนักกีฬาทีมชาติไทย ไปเข้าร่วมมหกรรมกีฬาต่างๆในระยะยาวด้วยเช่นกัน ซึ่งจะต้องมีแผนรองรับที่ชัดเจน
สำหรับแผนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาและการเตรียมนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันรายการต่างๆนั้น เริ่มจากในปี 2019 เป็นซีเกมส์ ที่ฟิลิปปินส์/ปี 2020 โอลิมปิก ที่ญี่ปุ่น/ ปี 2021 ซีเกมส์ ที่กัมพูชา, อินดอร์มาร์เชียลอาร์ตเกมส์ปี 2022 ยูธโอลิมปิกเกมส์ ที่เซเนกัล, เอเชียนเกมส์ ที่จีน/ปี 2023 ซีเกมส์ ที่เวียดนาม/ปี 2024 โอลิมปิก ที่ฝรั่งเศส/ปี 2025 ซีเกมส์/ปี 2026 เอเชียนเกมส์ ที่ญี่ปุ่น, ยูธโอลิมปิกเกม/ปี 2027 ซีเกมส์/ปี 2028 โอลิมปิก ที่สหรัฐอเมริกา/ปี 2029 ซีเกมส์/ปี 2030 เอเชียนเกมส์/ปี 2031 ซีเกมส์/ปี 2032 โอลิมปิกเกมส์
รองผู้ว่าการ กกท. กล่าวต่อว่า นอกจากแผน 15 ปีแล้ว ยังได้เพิ่มรายละเอียดเข้าไปให้ซุปเปอร์บอร์ด ได้พิจารณาด้วย คือ การยกตัวอย่าง ให้จังหวัดชลบุรี เป็นโมเดลแรก ที่จะใช้เป็นสถานที่จัดการชิงชัย นอกจากพร้อมในด้านสนามกีฬาในระดับหนึ่ง มีศูนย์กีฬาภาคตะวันออกแล้ว ยังมีความพร้อมในส่วนของการเป็นเมืองท่องเที่ยวมีที่พักที่เพียงพอสำหรับผู้มาเยือนได้อย่างสบาย ซึ่งแนวทางของแผนนี้ก็จะเริ่มสร้างสนามกีฬารองรับจากเกมหนึ่งไปสู่เกมที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเหมาะสม พร้อมๆกับการพัฒนาเมือง ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งถ้าทำได้ตามแผนนี้จะส่งผลดีต่อประเทศไทยของเรา
“ส่วนแผนเตรียมนักกีฬาทีมชาติไทยไปเข้าร่วมมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2019 ขอรอดูท่าทีของเจ้าภาพฟิลิปปินส์ ว่าจะมีการปรับลดชนิดกีฬาลงตามข่าวจริงหรือไม่ กรณีถ้าปรับลดลงจริง กกท. พร้อมที่จะยืดหยุ่นแผนการเตรียมนักกีฬาที่เหมาะสมได้ตลอดเวลา” นายณัฐวุฒิกล่าว