ไทยรัฐออนไลน์
สมาคมกีฬาฟุตบอล รับหน้าที่เจ้าภาพจัดการแข่งขัน "ฟุตบอล ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นยู-23 ปี 2020" แม้คนไทยอาจจะไม่ได้ตื่นเต้นกับข่าวนี้มากนัก เนื่องจากยังจำภาพที่ทีมฟุตบอลชาย ยู23 ชุดนี้ตกรอบแรก แต่เมื่อเอเอฟซี เลือกไทยเป็นเจ้าภาพรายการที่มีตั๋วโอลิมปิกเป็นเดิมพัน นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของการบริหารงานของสมาคมฯ ชุดนี้...
จากวันนี้ คือการเริ่มต้นใหม่ ของทีมชาติไทย ชุดยู-23 คือ ทิศทางที่ชัดเจน ว่าจากนี้ ทีมชุดยู-23 ไทย ต้องเดินหน้าอย่างไร
ส่วนตัวผม แม้ไม่ปลื้มกับผลงานในเอเชียนเกมส์ แต่หลังจากที่สมาคมฯ ได้รับความไว้วางใจให้จัดการแข่งขัน "ฟุตบอล ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นยู-23" ในรอบสุดท้าย นี่คือสิ่งที่ผมชื่นชม ที่ทีมงานนำเอาฟุตบอลรายการที่ดูจะเป็นจุดอ่อนที่สุดในขณะนี้ มาจัดในบ้านเรา ผลดีตกอยู่กับทีมชาติไทยมหาศาล
-ทีมไทย ไม่ต้องกดดันว่า ทัวร์นาเมนต์รอบคัดเลือก จะต้องทำผลงานให้เป็นที่หนึ่งของสายเพื่อการันตีเข้ารอบ เพราะเลวร้ายที่สุดทีมไทยก็ได้พื้นที่ในรอบสุดท้ายอยู่แล้ว จึงมีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างเด็ก, สร้างระบบทีม ก่อนที่รอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น
-จากผลงานที่ย่ำแย่ในการแข่งขันที่จีน ทำให้ทีมไทยจะเป็นทีมวางลำดับท้ายๆ แน่นอน แต่เมื่อไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ นี่คือทางลัดที่ทีมไทยจะขยับมาเป็นทีมวางลำดับ 1 ในรอบสุดท้ายทันที และมีโอกาสที่จะไม่พบกับทีมแข็งๆ ในรอบแรก
-เสียงเชียร์, ความคุ้นเคยสนาม คือความได้เปรียบสูงสุดของทีมไทย หากได้เล่นในบ้าน
-ขณะเดียวกัน ก็เป็นการลดกระแสของแฟนฟุตบอลไทย ที่มีต่อทีมชุดนี้ ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า ผลงานของทีมชุดยู-23 ในปีหน้า ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ อย่างเช่น ซีเกมส์ จะต้องทำได้ดีด้วยเช่นกัน
เหตุผลดังกล่าว คือ สิ่งที่สมาคมทำได้อย่างแยบยล และน่าชื่นชม เพื่อการกลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับทีมชุดยู23 และรีเซตสิ่งที่เกิดขึ้นในเอเชียนเกมส์ สู่หนังสือบทใหม่ แม้เส้นทางไปโอลิมปิกของไทยจะหนักหนาสาหัส แต่มันก็ช่วยลดอุปสรรคของทีมชุดนี้ ที่จะไปสู่ฝันได้มากเลยทีเดียว
วิรวิชญ์ เจริญเชื้อ / ผู้สื่อข่าวไทยรัฐทีวี