ไทยรัฐออนไลน์
ทัพนักเตะช้างศึกแม้จะเป็นฝ่ายครองเกมบุกได้มากกว่า แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะตาข่ายขึ้นนำเบลารุสได้ ทำให้ผ่านไป 30 นาทีแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0 ในศึกชิงดำคิงส์คัพ...
วันที่ 16 ก.ค.60 การแข่งขันศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 45 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่ไล่ถลุงเกาหลีเหนือมาก่อนหน้านี้ พบกับ ทีมชาติเบลารุส ซึ่งเฉือนบูร์กินาฟาโซ มาด้วยการดวลจุดโทษ
เริ่มเกมในครึ่งแรกมาได้ 7 นาที เบลารุสได้จังหวะทักทายก่อน จากการซัดไกลของ ยอฟเกนี ชอฟเชนกา บอลเหินข้ามสามเหลี่ยมมุมบนออกไปนิดเดียวเท่านั้น
แต่ถัดมาอีกแค่นาทีเดียว กองเชียร์ไทยมีลุ้นบ้างจากจังหวะโต้กลับเร็ว พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา กระชากบอลขึ้นมาจากครึ่งสนาม ก่อนตัดสินใจกดด้วยซ้ายหน้ากรอบเขตโทษ แต่นายทวารเบลารุสยังทุบทิ้งออกไปได้
ถัดมาในนาทีที่ 18 ธีราทร บุญมาทัน ตั้งป้อมโยนจากริมเส้นฝั่งซ้ายมาให้กับ อดิศักดิ์ ไกรษร โฉบโหม่งที่เสาแรก แต่บอลหลุดกรอบออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย.
11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ทีมชาติไทย : กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ (GK), อดิศร พรหมรักษ์, พรรษา เหมวิบูลย์, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, สรรวัชญ์ เดชมิตร, ธีราทร บุญมาทัน, มงคล ทศไกร, อดิศักดิ์ ไกรษร
ทีมชาติเบลารุส : ดิมิทรี ดูดาร์ (GK), อาร์เตียม สกิตอฟ, เยกอร์ ควาลโก, อเล็กซานเดอร์ คัทลิอารอฟ, ดิมิทรี อันท์ซิเลฟสกี, ยอฟเกนี ชอฟเชนกา, อูลาซิสลอฟ คลิโมวิช, คิรีล ปิอาเชนิน, มิกิตา นาวูมอฟ, ดิมิทรี เบสส์เมิร์ตนี, ซาคาร์ โวลคอฟ