บี บางปะกง
คัมแบ็กเที่ยวนี้...ต้องดีกว่าเก่า !!
เลกที่สอง ของฟุตบอลไทยลีก ลีกสูงสุด ผ่านพ้นไป 2 เกมแล้วนะครับ
แข้งเซราะกราว บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงยืนหนาวโดดเดี่ยวบนหัวตารางต่อไป อย่างสบายอารมณ์
หลังเปิดบ้านเฆี่ยนเอาชนะ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ไปได้ 2-0
ในเกมที่มีแต่กระแสดราม่าให้พูดถึง
ทั้งการไม่ยอมจับมือกับกุนซืออิชิอิ ของ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ
ความกังขาใน VAR ว่าล้ำไม่ล้ำ กับประตูแรกที่เจ้าถิ่นยิงได้ เพราะไม่มีการตีเส้นให้ดูตอนถ่ายทอดสด
รวมถึง เรื่องของ “กล้องวงจรปิด” ที่ถูกติดอยู่ในห้องพักทีมเยือน จนเป็น ‘ทอล์กออฟเดอะทาวน์’ ไปทั่ว!
ส่วนผลงานของทีมอื่นๆ ก็มีทั้งดีขึ้น และยังต้องปรับปรุงกันต่อไป ในแมตช์ที่เหลือช่วงเลกหลัง
ซึ่งที่ผมโฟกัสเป็นพิเศษก็คือผลงานของบรรดากุนซือชาวไทยของเรา
ที่มีทั้งหมด 6 ทีมในไทยลีก ที่ใช้บริการอยู่ในตอนนี้
โดยผู้ที่ผลงานโดดเด่นน่าจับตา
คือ 3 โค้ชที่เพิ่งคัมแบ็กกลับมากุมบังเหียนทีมเดิมของตัวเองในฐานะ “นายใหญ่” กันอีกรอบ
เริ่มจาก “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
ที่ถูก “บิ๊กขจร เจียรวนนท์” ประธานสโมสร ดันจาก ผอ.เทคนิค ให้กลับมาเป็นกุนซือเหมือนเดิม
หลังการแยกทางไปของโค้ชออเรลิโอ วิดมาร์ ช่วงจบเลกแรก
ซึ่ง “โค้ชแบน” ก็เริ่มต้นภารกิจของเขา ได้อย่างดีเยี่ยม
ด้วยการนำพลพรรคแข้งเทพคว้าชัย 3 นัดติด ทั้งในบอลลีกและบอลถ้วย
โดยศึกไทยลีกชนะทีมท้ายตาราง ทั้ง หนองบัวพิชญ 3-1 และลำปาง เอฟซี ในเกมล่าสุด 1-0
เก็บไปได้ 6 แต้ม แซงฉลามชลขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงเป็นที่เรียบร้อย
ขณะที่บอลถ้วยลีกคัพก็บุกไปถล่ม พิษณุโลก เอฟซี 4-0 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแล้ว
สำหรับโปรแกรมต่อไป “โค้ชแบน” ต้องนำทัพ บียู ไปเยือนรัง “สวาทแคท” นครราชสีมา มาสดา เอฟซี
ในเกมไทยลีก “แมตช์ที่ 18” วันอาทิตย์ที่ 5 ก.พ.นี้ ซึ่งต้องรอดูว่าพวกเขาจะเก็บชัยชนะได้ต่อเนื่องหรือเปล่า?
ส่วนอีกคนที่ผลงานแจ่มไม่แพ้กัน
ก็คือ “โค้ชบอส” ปฏิภัทร รอบรู้ กุนซือหนุ่มผู้เคยสร้างผลงานพา ขอนแก่น ยูไนเต็ด ขึ้นสู่ลีกสูงสุด
ที่กลับมารั้งตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนจงอางผยองอีกคำรบ
หลังเลกแรกที่ผ่านมา ทีมได้มีการเปลี่ยนโค้ชไปแล้ว 2 ราย ทั้ง คาร์ลอส เอดูอาร์โด้ และ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก
ซึ่งเที่ยวนี้ “โค้ชบอส” เปิดฉากไทยลีก เลก 2 อย่างเร้าใจ ด้วยการพาขอนแก่นไปพิชิต ราชบุรี เอฟซี ถึงถิ่น 2-0
ก่อนจะกลับมาเปิดบ้านเฉือนชนะ สุโขทัย เอฟซี 2-1 จนขยับอันดับหนีโซนสีแดง มาอยู่ที่ 11 ของตาราง
ถ้านัดต่อไป จงอางตัวนี้ เลื้อยขึ้นเหนือไปฉกลำปางได้อีก ก็มีลุ้นแซงขึ้นไปอยู่ท็อปเท็นทันที
แม้ว่าพวกเขาจะตกรอบลีกคัพด้วยการแพ้ เชียงใหม่ เอฟซี ทีมในไทยลีก 2 ไปแล้ว
แต่นั่นก็ไม่สลักสำคัญอะไร มากไปกว่าการหนีตกชั้นให้ได้ในซีซั่นนี้ ของทีมเมืองหลวงแห่งภาคอีสาน
และโค้ชที่กลับมาสร้างชื่อกับต้นสังกัดเก่าอีกครั้ง
หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมาผลงานของตัวเอง อยู่ในช่วง “ขาลง” อย่างเห็นได้ชัด..ไม่ว่าจะไปคุมทีมไหนก็ตาม
ทำให้ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน กุนซือที่เคยสร้างประวัติศาสตร์พา บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เถลิงแชมป์ไทยลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่กับ “ต่อพิฆาต” พีที ประจวบ เอฟซี ที่กำลังดิ้นหนีโซนตกชั้นเช่นกัน
โดยคราวนี้ได้รับโอกาสจาก “บิ๊กเกียร์” ทรงเกียรติ ลิ้มอรุณรักษ์ ประธานใหญ่ใจแม่น้ำ
ดึงเขามาให้ช่วยกู้วิกฤติทีมคู่กับน้องเลิฟ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล
ซึ่งผลงาน 2 เกมที่ผ่านมา ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว
กับ 4 แต้ม จากการบุกไปเอาชนะ นครราชสีมา 2-1 และเปิดรังสามอ่าวไล่ตีเสมอ การท่าเรือ เอฟซี 1-1
ทำให้บวกเพิ่มเป็น 17 แต้ม รั้งอยู่อันดับ 12 ของตาราง
มีแววอยู่รอดในไทยลีกต่อไปไม่น้อย!
รวมไปถึงเกมบอลถ้วยลีกคัพ ก็ยังมีลุ้นหลังเพิ่งบุกไปถล่ม อยุธยา ยูไนเต็ด ถึงเมืองกรุงเก่า 5-0 ในรอบ 16 ทีมที่ผ่านมา
เกมไทยลีกนัดต่อไป แข้งประจวบ มีคิวต้องออกไปเจอศีกหนักกับ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่รังลีโอ สเตเดียม ในวันเสาร์ที่ 4 ก.พ.นี้
ถ้าลูกทีมต่อพิฆาตของ “โค้ชโอ่ง” เก็บแต้มออกมาได้จากรังกว่างโซ้งละก็...รับรองสนุกแน่
แสดงให้เห็นว่าการคัมแบ็กกลับมาของโค้ชเก่าแต่ละคนในคราวนี้
น่าจะต้องมีอะไรที่ดูดีกว่าเดิม...เพื่อตอบแทนความไว้วางใจ
ให้สโมสรอันเป็นที่รักของพวกเค้า..อย่างแน่นอน !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com