หน้าแรกแกลเลอรี่

เสน่ห์กิเลน

บี บางปะกง

19 ต.ค. 2564 05:03 น.

บอลไทยลีก วีกที่ผ่านมา ซดเกือกกันอย่างเข้มข้น... เหมือนเคยครับ แข้งเซราะกราว บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงรักษามาตรฐานทีม “นำจ่าฝูง” ไว้ ได้อย่างเหนียวแน่น

หลังเปิดบ้านเช็กบิลชำระแค้นเอาชนะ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 2-0 ในเกมดาร์บี้แมตช์อีสานใต้

แต่ทีมที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งจริงๆ แบบไม่ต้องกระโตกกระตากอะไร ก็เห็นจะเป็นพลพรรค “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

ที่ค่อยๆขยับมาเงียบๆแต่ฟาดเรียบมันทุกแต้มใน 4 เกมหลังสุด จนเบียดขึ้นมาเป็น “รองจ่าฝูง” บนตารางคะแนนเรียบร้อยแล้วในเวลานี้

โดยพวกเขามีแต้มตามหลัง ปราสาทสายฟ้า แค่ 3 คะแนนเท่านั้น ที่สำคัญยังเตะน้อยกว่า 1 เกมอีกต่างหาก นั่นหมายความว่า...ถ้าแมตช์ตกค้าง ที่แข้งเทพ จะบุกไปเยือนราชบุรี มิตรผล เอฟซี ในวันพุธนี้ (20 ต.ค.) ขุนพลบียู บุกไปคว้าชัยเหนือเจ้าถิ่นได้สำเร็จ

แต้มทั้งสองทีมจะขึ้นมาเท่ากันที่ 19 คะแนนทันที ทำให้การลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดในฤดูกาลนี้ ยิ่งจะมันหยดติ๋ง อย่างไม่ต้องสงสัยกันเลย!!

ส่วนเกมฟาดแข้งที่ต้องถือเป็น “แมตช์ 5 ดาว” แห่งความทรงจำ ที่แฟนบอลโดยเฉพาะสาวกกิเลนผยองจะไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน

ก็คือเกม “ดราม่า” ที่แข้ง เมืองทอง ยูไนเต็ด บุกขึ้นเหนือไปเยือนรัง “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

นี่เป็นเกมแรกของทั้ง 2 สโมสรที่จะได้ประเดิมใช้ชื่อทีมใหม่อย่างเป็นทางการ โดยสิงห์ เชียงราย เปลี่ยนเป็น “ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด”

ส่วนเอสซีจีกับเมืองทอง แยกทางกันไปแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงได้หวนกลับไปใช้ “เมืองทอง ยูไนเต็ด” ดังเดิม

ก่อนเกมนี้จะเริ่มขึ้น ยอดทีมเมืองเหนือ ถูกยกให้เป็นต่ออาคันตุกะผู้มาเยือนอยู่พอสมควร เพราะโชว์ฟอร์มเทพด้วยการบุกสยบคู่แข่งมาแล้วถึง 3 เกมรวด

และยิ่งตอกย้ำความเป็นรองเข้าไปใหญ่ เมื่อแข้งกิเลนต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนในสนาม ตั้งแต่ 14 นาทีแรกของเกม หลังมาร์โค บัลลินี ปราการหลังดาวรุ่งโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป

ทำให้นักเตะเชียงราย ซึ่งได้เปรียบตัวผู้เล่น โหมบุกกระหน่ำเข้าใส่แบบวันเวย์ และมีจังหวะหวาดเสียวหน้าปากประตูกิเลนหลายต่อหลายครั้ง

ยังดีที่แนวรับเมืองทองช่วยกันต้านทานทุกกระบวนท่า โดยเฉพาะนายประตูดาวรุ่งป้ายแดงอย่าง “พีระพงษ์ เรือนนินทร์” ที่งัดฟอร์มพระเอก

โชว์ซุปเปอร์เซฟสกัดกั้นลูกยิงจ่อๆระยะเผาขนของ กว่างโซ้งไว้ได้อย่างเหลือเชื่อที่สุด

โดยในช่วงท้ายครึ่งหลังทีมเยือนเกือบต้องเหลือผู้เล่น 9 คนด้วยซ้ำ เมื่อผู้ตัดสินชูใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ “วิลเลียน พอพพ์” ออกไปอีกคน

ก่อนไปดู VAR แล้วเปลี่ยนคำตัดสินใหม่ให้แนวรุกแซมบ้าอยู่ในสนามต่อไป เพราะเห็นว่าจังหวะนี้เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจชักศอกใส่ผู้เล่นเชียงราย

และก็เป็นวิลเลียน พอพพ์ ที่เปรียบเสมือนคนตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ กลายเป็น “ฮีโร่” โขกพังประตูชัยในช่วงทดเจ็บให้เมืองทองบุกมาเก็บ 3 แต้มเหนือเชียงรายอย่างเจ็บแสบ

นับเป็นชัยชนะที่สุดติ่งกระดิ่งแมว และ “อะเมซิ่ง” เหนือคำบรรยาย ชนิดที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้

แต่นั่นแหละ คือเสน่ห์ของเกมฟุตบอล ที่ยากจะคาดเดาจริงๆ บางครั้งทีมที่ดีกว่า ได้เปรียบกว่า ทุกกระบวนท่า ไม่ได้เป็นบัญญัติไตรยางศ์ว่าจะจบลงด้วย “ชัยชนะ” เสมอไป

ซึ่งมันเป็น “เสน่ห์” อีกอย่างนึง ของ “เมืองทอง ยูไนเต็ด” ที่ทำให้แฟนบอลต้องคอยติดตาม

เพราะคุณไม่มีทางจะรู้เลยว่า แต่ละนัด แต่ละเกม ผลงานจะออกมาเป็นอย่างไร?

เปรียบไปก็คงเหมือนหญิงสาวที่หลงรัก “ผู้ชายเจ้าชู้” อะไรทำนองนั้น

ชีวิตตื่นเต้นมีสีสัน ต้องคอยระแวง ตื่นตัว จับจ้องอยู่ตลอดเวลา

เอาเป็นว่าถ้า “เสน่ห์” กิเลนไม่แรงจริง ยอด subscribe youtube ของสโมสร จะแตะล้านวิว...อย่างรวดเร็ว เหนือสโมสรอื่นๆในบ้านเราได้อย่างไร?

บี บางปะกง