กระชับวงล้อมปันความคิด โจทย์ช้างศึกจูเนียร์

กระชับวงล้อมปันความคิด โจทย์ช้างศึกจูเนียร์

ระหว่างวันที่ 15 เมษายน - 3 พฤษภาคม 2567 ทัพช้างศึกจูเนียร์ภายใต้การกุมบังเหงียนของ “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร จะเข้าร่วมโม่แข้งในศึก U23 ชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศกาตาร์

การเดินทางของทัพไทยเพื่อไปต่อกรกับคู่แข่งขันในรายการนี้ถือได้ว่ามีความสำคัญยิ่งทั้งนี้เพราะนอกจากจะไปเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศแล้วเป้าหมายหลักคงจะได้แก่การไล่ล่าหาความสำเร็จเพื่อแย่งตั๋วไปสู้ศึกปารีสเกมส์ 2024

อย่างไรก็ตามเมื่อกล่าวถึงนักเตะชุดนี้ต้องยอมรับว่าวันนี้ถึงแม้องค์กรซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในความรับผิดชอบโดยตรงจะได้จอมทัพคนใหม่เข้ามาบริหารจัดการแล้วก็ตาม แต่หากส่องลงไปในมิติที่เกี่ยวกับการเตรียมทีมกลับพบว่าปัญหาหรือขวากหนามเดิมๆ ที่เกาะเกี่ยวหรือพันธนาการกับการเตรียมทีมชาติไทยมาอย่างต่อเนื่องก็ยังกลับมาเป็นวังวนให้ประเทศต้องเสียโอกาสอย่างไม่น่าจะเสียเช่นเดิม

ที่กล่าวว่าประเทศจะเสียโอกาสอย่างไม่น่าจะเสียเพราะเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าศึกการดวลแข้งครั้งนี้ถึงแม้จะไม่ใช่ช่วงฟีฟ่าเดย์ก็ตามแต่กำหนดการหรือปฏิทินที่คลอดมาก่อนล่วงหน้าย่อมทำให้ผู้เกี่ยวข้องในการเตรียมทีมต้องออกหน้าเพื่อแก้ปัญหาไม่ใช่ปล่อยให้คอลูกหนังหรือผู้เล่นคนที่ 12 ต้องลุ้นแบบลมๆ แล้งๆ

จากปัญหาและผลกระทบดังกล่าวแน่นอนการที่จะไปโทษหรือโยนบาปให้สโมสรต้นสังกัดที่ไม่ปล่อยไม่ปล่อยนักเตะฝีเท้าดีเข้าร่วมทัพก็คงใช่ทียิ่งบอลลีกกำลังเข้าโค้งสุดท้ายและมีผลต่อการอยู่รอดหรือก้าวไปสู่การยืนหนึ่งในฤดูกาลนี้ด้วยแล้วทุกสโมสรย่อมที่จะโฟกัสไปที่ทีมตนเองมากกว่าการเสียสละเพื่อส่วนรวม

ด้วยมูลเหตุแห่งความไม่พร้อมการดังกล่าวโจทย์และการบ้านจึงตกไปอยู่กับหัวหน้าผู้ฝึกสอนและทีมงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้การกุมขมับเพื่องัดตำราพิชัยสงครามออกมาสู้หรือก้าวไปให้ถึงฝันดังที่สาวกตลอดจนแฟนๆ คาดหวังซึ่งจากกรณีนี้อาจจะมีคำถามตามมาว่าหากทัพไทยไม่ประสบความสำเร็จหรือถ้าจะกล่าวเปรียบเปรยกับคำกล่าวที่ว่า “บุญมีแต่กรรมบัง” หรือโอกาสมีและลอยอยู่ข้างหน้าแต่กลับคว้ามาไม่ได้เอง

จากปรากฎการณ์ดังกล่าวหากจะส่งสัญญาณหรือฝากคำถามเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้เกาให้ถูกที่คันเชื่อว่าคำถามนี้ผู้สันทัดในวงการบอลไทยคงทราบดีว่าใครคือผู้จะมาให้ความกระจ่างหรือต้องแอ่นอกออกมารับผิดชอบ
อย่างไรก็ตามถึงแม้การเตรียมทัพช้างศึกจูเนียร์ชุดนี้จะมีโจทย์หรือการบ้านให้ผู้เกี่ยวข้องต้องขบคิดอย่างหลากหลายโดยเฉพาะการขาดซึ่งขุมกำลังที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและศักยภาพดังที่ทุกภาคส่วนคาดหวังก็ตาม แต่หากส่องไปดูในความมุ่งมั่นของ “โค้ชหระ” และทีมงานตลอดจนนักเตะที่ประกาศรายชื่อออกมาคาดว่าเมื่อเข้าสู่การรวมตัวอย่างเป็นทางการซึ่งจะเริ่มในวันที่ 8 เมษายนนี้ ทุกคนคงพร้อมที่จะเดินหน้าเพื่อชื่อเสียงของประเทศและสร้างความสุขให้กับแฟนๆ

วันนี้โลกเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงและแข่งขันอย่างเต็มตัวการขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับวงการกีฬาโดยเฉพาะกีฬามหาชนอย่างฟุตบอลให้ก้าวสู่มาตรฐานสากลและตอบโจทย์ดังที่ทุกภาคส่วนคาดหวังจึงเป็นหนึ่งในมิติที่ผู้รับผิดชอบต้องตระหนักและให้ความสำคัญ

และเหนืออื่นใดทำอย่างไรที่ “ความเหลื่อมล้ำ” จะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องหรือแผ้วพานกับการเตรียมนักเตะทีมชาติไทย

อ. รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร