โจโจ้
วันหยุดยาวหนีความวุ่นวายทางการเมือง หันมาคุยเฟื่องเรื่องกีฬา โดยเฉพาะการจับตาทัพช้างศึกทั้งชุดใหญ่และเล็กที่มีการบ้านข้อสำคัญรออยู่ข้างหน้า
เหตุที่ต้องจับตาถึงทีมชาติไทยกันอีกครั้งเพราะอีกไม่นานนักเตะทั้ง 2 ชุดมีโปรแกรมที่จะต้องดวลแข้งเพื่อพิสูจน์ศักยภาพเชิงลูกหนังกันอีกครั้ง
เริ่มที่ช้างศึกผู้พี่กับภารกิจสำคัญ “ศึกฟุตบอลโลก 2026 โซนเอเชีย รอบ 2” หลังจากผลการจับสลากแบ่งสายออกมาต่างก็ต้องซี้ดปากกันตามๆกัน
เพราะขวากหนามที่นักเตะไทยต้องเผชิญหากมองในมุมของมาตรฐานและชื่อชั้นของทีมคู่ต่อกร ไม่ว่าทีมเกาหลีใต้ ตลอดจนจีน รวมทั้ง สิงคโปร์ หรือ “กวม” ล้วนแล้วแต่เป็นกระดูกชิ้นโตทั้งสิ้น
เมื่อโจทย์และการบ้านเป็นอย่างที่เห็นเชื่อว่าสมาคมกีฬาลูกหนังภายใต้การนำทัพของผู้จัดการทีมคนสวย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ และทีมงานสตาฟฟ์โค้ชโดยเฉพาะ “มาโน โพลกิง” ที่จะต้อง พิสูจน์กึ๋นด้วยแล้วคงต้องขบคิดเพื่อไปให้ถึงฝัน
วันนี้การเจียระไนให้ทีมมีความพร้อมมากที่สุดและหนึ่งในมิติที่ต้องสะสางคือการถอดบทเรียนเพื่อนำเอาปัญหาหรือวังวนแห่งกับดักที่เคยสัมผัสไม่ว่าเรื่องระยะเวลาในการเก็บตัว การปล่อยตัวนักเตะของต้นสังกัด และอื่นๆมาร่อนตะแกรงสำหรับหาทางออกเพื่อก้าวข้ามหลุมดำร่วมกันจึงน่าจะเป็นช่องทางที่พึงกระทำ
หันกลับมาที่ช้างศึกชุดเล็กหรือ U 23 มีรายการที่จะต้องลงสนามอยู่ถึง 3 ศึกหลักทั้งชิงแชมป์อาเชียน ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก และเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19
แต่ปัญหาเดิมๆที่เคยพบเจอก็กำลังจะมาหลอกหลอนอีกครั้ง
ล่าสุด “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร กุนซือใหญ่เริ่มกุมขมับเพราะไม่มีความมั่นใจว่าทีมในฝันภายใต้นักเตะที่ดีที่สุดสำหรับการสู้ศึกจะมีให้เลือกสรรมากน้อยแค่ไหน
เมื่อกล่าวถึงเรื่องความพร้อมของนักเตะตลอดจนการเตรียมทีมและอื่นๆที่เกี่ยวข้องจะเห็นได้ว่าปัญหาที่ทีมงานต้องสัมผัสล้วนเหมือนกันทั้งชุดใหญ่และชุดเล็ก
ที่น่าสนใจนักเตะทั้งสองชุดหากส่องผลงานที่ผ่านมาผนวกกับทรัพยากรนักเตะ เชื่อว่าแฟนลูกหนังได้พิจารณาด้วยเหตุและผลบนพื้นฐาน
ก็พอจะประมวลได้ว่าโอกาสและความสำเร็จมีมากน้อยแค่ไหน
คำที่ว่า“หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” ยังคงใช้ได้ดี โดยเฉพาะผลงานที่จะตามมาหากทัพช้างศึกทำได้และสุขกันถ้วนทั่ว ผู้รับผิดชอบคงจะรอดตัว
แต่ถ้าล้มเหลว “แพะ” จะเป็นใคร และใครควรที่จะ “แอ่นอก” รับผิดชอบนั่นคงจะเป็นคำถามที่จะตามมาและไม่อาจจะเลี่ยงได้.
โจโจ้