หน้าแรกแกลเลอรี่

ปัดบีบ “สมยศ” แค่ให้พิจารณาเอง “ประวิตร” เปิดใจ! เชื่อฟีฟ่าไม่แบน

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

3 ก.ค. 2566 05:09 น.

“บิ๊กป้อม” ลั่นไม่ได้ใช้การเมือง บีบ “สมยศ” ไขก๊อกนายกลูกหนัง แต่พูดในฐานะ ปธ.โอลิมปิกให้พิจารณาตัวเองเชื่อไม่โดนฟีฟ่าแบน ด้าน “บิ๊กก้อง” ผู้ว่าการ กกท.ชี้ไม่สามารถเซ็นอนุมัติให้ “บิ๊กอ๊อด” ลาออกได้ หากเหตุผลในหนังสือที่ส่งมาระบุทำตามคำสั่ง “บิ๊กป้อม” เนื่องจากเป็นการทำผิดข้อบังคับลักษณะปกครองของสมาคม พร้อมให้คอมเมนต์ ไทยจะไม่ถูกแบนจาก “ฟีฟ่า” เพราะโอลิมปิกไทยเป็นหน่วยงานอิสระ ไม่ได้เป็นหน่วยงานรัฐบาล ไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซงจากภาครัฐ

หลังจากที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ อ้างทำตามคำสั่ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานโอลิมปิกไทย ส่งผลให้สภากรรมการของสมาคมฯสิ้นสภาพลงทั้งหมด คาดว่าจะมีการยื่นหนังสือลาออกต่อการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในวันที่ 3 ก.ค. อย่างไรก็ตาม การลาออกจะมีผลอย่างเป็นทางการก็ต่อเมื่อการกีฬาแห่งประเทศไทยเซ็นอนุมัติ รวมถึงมีหลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวลว่าประเทศไทยจะถูกแบนจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ในข้อหาสมาคมกีฬาฟุตบอลฯถูกแทรกแซง ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับปมร้อนในวงการฟุตบอลไทย เมื่อเวลา 17.10 น. วันที่ 2 ก.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ระบุว่า ลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพราะคำสั่ง พล.อ.ประวิตรอาจจะทำให้สหฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) แบนประเทศไทย เนื่องจากมีกฎเหล็กของฟีฟ่าที่ห้ามการเมืองเข้ามาแทรกแซงจะแก้ปัญหาอย่างไรว่าไม่เกี่ยวๆตนพูดในฐานะประธานโอลิมปิกฯ ไม่ได้พูดในฐานะรองนายกฯ คณะรัฐมนตรีไม่เกี่ยว

เมื่อถามว่ามีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะโดนแบนจากฟีฟ่า ยืนยันว่าจะไม่โดนแบนจากฟีฟ่าใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีหรอก ไม่โดนหรอก เมื่อถามอีกว่ายืนยันว่าไม่เกี่ยวและไม่ได้สั่งการในฐานะคณะรัฐมนตรีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี ไม่เกี่ยว ผมเพียงแค่ให้พิจารณาตัวเองจากผลที่ไปทะเลาะกันในระหว่างการเล่นฟุตบอล เป็นภาพที่ไม่ดีออกมา ก็เลยให้พิจารณาตัวเอง

วันเดียวกัน นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ต้องแยกให้ออกระหว่างการลาออกเองกับการสั่งปลด การสั่งปลดนั้นเป็นเรื่องของ กกท. ในฐานะนายทะเบียนที่จะต้องมาดูกฎหมายว่ามีสิ่งใดไม่ถูกต้องหรือมีความผิดร้ายแรง เช่น ครบวาระ 4 ปี, ขาดการประชุมเกิน 4 ครั้ง, ที่ประชุมมติถอดถอน เป็นต้น จากการแถลงดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นการใช้ดุลพินิจของนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯเอง ส่วนเรื่องที่คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯพูดถึงนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะต้องประเมินทุกครั้งอยู่แล้วว่าสมาคมไหนทำผลงานได้ต่ำ หรือเกินเป้าหมาย รวมถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลฯด้วย กรณีนี้กฎหมายไม่ได้สั่งปลด แต่คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯเพียงแค่ทวงถามสปิริตหลังจากล้มเหลวในซีเกมส์ รวมถึงนำความเสื่อมเสียมาสู่ประเทศไทย และท่านนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็แสดงสปิริตดังกล่าวออกมา

ผู้ว่าการ กกท.กล่าวต่อว่า คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานอิสระไม่ได้เป็นหน่วยงานรัฐบาล ดังนั้นไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซงจากภาครัฐ และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก็เป็น ผู้แสดงสปิริต ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้หากมีการลาออก คณะกรรมการบริหารสมาคมฯจะต้องส่งเรื่องมาให้ กกท.รับทราบ ต่อจากนั้นตามหลักการจะต้องเลือกตั้งหานายกสมาคมกีฬาฟุตบอลคนใหม่ภายใน 3 เดือน หลังจากการลาออกดำเนินแล้วเสร็จ ส่วนช่วง 3เดือนที่ว่างอยู่นั้น จะทำให้การดำเนินงานของสมาคมติดขัดหรือไม่ เชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะระเบียบได้ระบุให้เลขาธิการสมาคมฯเป็นผู้ดูแลต่อไปชั่วคราว ไม่ได้มีการระงับกิจกรรมการใดๆที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว

นายก้องศักดเผยต่อว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อบังคับลักษณะปกครองสมาคมกีฬาฟุตบอลฯได้ระบุการพ้นจากตำแหน่งของนายกสมาคมฯเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างไรบ้าง เช่น ครบวาระ 4 ปี, ขาดการประชุมเกิน 4 ครั้ง, ที่ประชุมมติถอดถอน หากหนังสือการลาออกมีเหตุผลตามข้อบังคับฯ สามารถทำได้ ต้องดูรายละเอียดของหนังสือลาออกก่อน หากเป็นเหตุผลอื่น เช่น ตามแถลงการณ์ที่บอกว่าพร้อมปฏิบัติตามคำสั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถ้าเป็นเหตุผลนี้คงไม่ได้ เพราะจะขัดต่อข้อบังคับฯ และกฎหมาย เนื่องจากการออกจากตำแหน่งนายกสมาคมฯ ไม่มีใครออกคำสั่งได้โดยเด็ดขาด

ด้าน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรพูดเรื่องนี้ในที่ประชุมในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลการกีฬาของประเทศว่า ฟุตบอลชายในซีเกมส์เป้าหมายต้องคว้าแชมป์เท่านั้น และไม่ได้เพิ่งมาพูดครั้งนี้ พูดมาหลายครั้งแล้วด้วย พูดมาตั้งแต่ ก่อนแข่งซีเกมส์ครั้งที่แล้วด้วยซ้ำ สมาคมฟุตบอลยังเป็นแบบนี้มาตลอด กีฬามีแพ้มีชนะ แต่ครั้งนี้แพ้ ในลักษณะที่ยอมรับไม่ได้ แพ้ในลักษณะที่ทำให้ชื่อเสียง ของประเทศชาติเสียหาย ตรงนี้ไม่ได้เพิ่งมาพูด ไม่ได้ พุ่งเป้าไปที่สมาคมฟุตบอลเท่านั้น แต่รวมถึงทุกสมาคม กีฬา ภายใต้การดูแลของโอลิมปิกไทยด้วย ก็ต้องเข้าใจ ว่า พล.อ.ประวิตรเองก็สวมหมวกหลายใบ การพูด ครั้งนี้ก็ไม่ได้มีการนำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ได้เอา การเมืองมากดดันแต่อย่างใด ผมมั่นใจว่าฟีฟ่าจะเข้าใจในเรื่องนี้”

พล.อ.วิชญ์กล่าวต่อว่า ประธานโอลิมปิกไทย มีเหตุผลในการสั่งการเพราะเป็นเป้าหมายของทัพนักกีฬาไทยในแต่ละสมาคมกีฬา ที่สำคัญไม่ได้เป็นการแทรกแซงการบริหารของสมาคมฟุตบอล เราพูด ก่อนแข่งมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังเป็นแบบนี้ ส่วนที่ บอกว่าฟีฟ่าจะสั่งแบนประเทศไทยนั้น ผมไม่ได้หนักใจ เพราะเชื่อว่าฟีฟ่ามีเหตุผล เพราะเราเองก็ไม่ได้เข้าไป แทรกแซงหรือวุ่นวาย ลงไปล้วงลูกกับการเลือกตั้งของ สมาคมกีฬาต่างๆอยู่แล้ว เขาจะเลือกตั้งก็เลือกกันไป ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจเลือกของเหล่าสโมสรสมาชิก