ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ชั่วโมงนี้ต้องส่งใจไปเชียร์ “ขุนพลช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่กำลังเตรียมลงโม่แข้งรอบรองชนะเลิศนัดแรกที่ต้องไปเยือน “เสือเหลือง” มาเลเซีย ที่สนามบูกิต จาลิลสเตเดียม ในค่ำคืนวันนี้ (7 ม.ค.) ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนรายการ “เอเอฟเอฟ แชมเปียนชิป 2022”
การบุกถิ่น “เสือเหลือง” ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากกับทีมช้างศึก หากสามารถประเดิมคว้าชัยชนะกลับมาได้ก่อน จะทำให้งานที่เราต้องเปิดบ้านสนามธรรมศาสตร์ รังสิต รับมือกับมาเลเซียในวันที่ 10 ม.ค. ไม่ยากเย็นอย่างที่คิด
ที่แน่ๆความได้เปรียบจะกลับมาอยู่ในมือเราโอกาสที่จะก้าวไปถึงเป้าหมายอีกขั้นทะยานสู่ “รอบชิงชนะเลิศ” อยู่แค่เอื้อม
แม้สถิติที่ผ่านมาของช้างศึกในช่วง 9 ปีอาจจะไม่ค่อยโสภาสะดวกโยธินเท่าไหร่ ในการลงสนาม 6 เกมหลัง มาเลเซียชนะไทย 4 เสมอ 2 โดยที่ชัยชนะเกมล่าสุดของมาเลเซียนั้นก็ชนะจุดโทษใน “ศึกคิงส์คัพ 2022” ที่ จ.เชียงใหม่
ระยะหลังแม้ทีมชาติไทยจะเป็นรอง “เสือเหลือง” มาโดยตลอดก็ตาม แต่เมื่อมาถึงรอบนี้แล้วคงต้องเล่นแบบลืมตายมีเท่าไหร่ใส่ให้หมดแบบไม่มีออมอีกแล้ว
เพื่อสร้างโอกาสที่จะต้องกรุยทางไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุด รักษา “บัลลังก์แชมป์” รายการนี้ไว้ให้ได้อีกครั้ง
เพราะถ้าเราพลาดในรายการนี้หรือตกรอบตัดเชือก “ความศรัทธา” ของแฟนบอลที่มีต่อช้างศึกก็จะหดหายไปด้วยเช่นกัน
อย่าลืมผลงานของทีมชาติไทยในระยะหลังที่มี “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นั่งบัญชาการเก้าอี้นายกสมาคมลูกหนัง ย่ำแย่ถอยหลังลงคลองเรียกว่าตกต่ำอย่างที่สุด รวมถึงลีกในประเทศ
จากที่เคยเป็นพี่เบิ้มในอาเซียนที่ทุกชาติหวาดกลัวไม่อยากเจอ ตอนนี้ใครก็พร้อมดวลแข้งกับไทยเพราะไร้พิษสงไม่แกร่งเหมือนในอดีตอีกแล้ว
อย่างที่ผู้จัดการคนสวย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ บอกไว้รอบตัดเชือกไม่ว่าเจอทีมไหนก็หนักเหมือนกันหมดเพราะแต่ละทีมที่สามารถกรุยทางมาถึงรอบนี้ได้ต้องเจ๋งและแข็งแกร่ง
ขุนพลช้างศึกแม้จะเป็นรองแต่ถ้าเราเล่นอยู่ในฟอร์มที่ควรจะเป็นเชื่อว่าโอกาสที่เราจะทะยานเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถึงตอนนั้นมั่นใจว่าทุกคนเล่นเกิน 100% แน่นอน
เทียบจากฟอร์มหรือส่องกล้องดูแล้วเชื่อว่าช้างศึกน่าจะผ่านรอบรองไปได้แต่อาจจะเหนื่อยหรือหืดจับสักหน่อย แต่ถ้าไปถึงรอบชิงโอกาสจะเข้าไปเจอกับคู่ปรับเก่า “ดาวทอง” เวียดนาม อย่างไม่ต้องสงสัย
เนื่องจากฟอร์มของขุนพลนักเตะญวนตอนนี้ แข็งแกร่งเหลือเกินและจะเป็นคู่ต่อกรหรือกระดูกชิ้นโตของช้างศึกไปอีกนาน
ไม่แน่อาจยึดเบอร์ 1 อาเซียนอย่างถาวรหากช้างศึกยังย่ำอยู่กับที่ไม่พัฒนาอย่างที่ควรจะเป็น รวมถึงจะส่งผลกระทบต่อรายการสำคัญ “ซีเกมส์” ที่กัมพูชา กลางปีนี้ด้วย.
โจโจ้ซัง