“ก้องศักด ยอดมณี” พยายามผลักดันให้มีอนุญาโตตุลาการกีฬา เพื่อรองรับข้อขัดแย้งต่างๆ

Hundred hear not as one seeing. สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น  ฟุตบอลกำลังจะเตะในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้ว แต่ไม่อยากเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้กับ 2 ยอดนักเตะดังอย่าง “เนย์มาร์” กับ “คริสเตียโน โรนัลโด” คนแรกสโมสรประกาศขาย แต่จนถึงป่านนี้ยังไม่มีใครขอซื้อ คนที่สองเจ้าตัวอยากย้ายเองแต่ไม่มีทีมไหนสนใจอยากได้ ต่างกรรมต่างวาระ แต่ให้แง่คิดเดียวกันว่า คนเราจะมีค่า ก็ต่อเมื่อ เป็นที่ต้องการ เท่านั้น

ต้องใช้เวลาถึง 10 ปี ก่อนที่ ศาลปกครองสูงสุด จะพิพากษาให้สมาคมฟุตบอลฯ คืนสิทธิ์ ศรีสะเกษ เอฟซี ให้ อีสาน ยูไนเต็ด ในขณะที่กฎระเบียบของการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก มีการเปลี่ยนแปลงไปมากมายก่ายกอง ซึ่งจนถึงนาทีนี้ ก็เชื่อว่าไม่ง่ายที่จะหาทางปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษา ก็ต้องรอดูกันต่อไป

จากกรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความชอบธรรมในวิสัยทัศน์ของ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ที่พยายามผลักดันให้มี อนุญาโตตุลาการกีฬา เกิดขึ้น เพื่อที่จะรองรับ ข้อพิพาท ข้อขัดแย้งต่างๆ ในสมาคมกีฬาที่มีการกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียนตามกฎหมาย ช่วยให้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้มีการแก้ไขได้ทันเวลา

แต่จนถึงบัดนี้ กระบวนการอบรมเผยแพร่ และ การแก้ไขข้อบังคับ ของทุกสมาคมกีฬาให้สอดคล้องกับแนวทางการใช้อนุญาโต ตุลาการกีฬา เพื่อแก้ไขปัญหาก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งๆที่ ดร.มนตรี ไชยพันธุ์ ผู้ดูแลในเรื่องนี้ก็จัดทำหลักสูตร และขั้นตอนส่งให้ สมพร ไชยสงคราม ผอ.สำนักกฎหมาย ผู้ขยันขันแข็งจนเรียบร้อยแล้ว หรือจะปล่อยให้นโยบายดีๆอย่างนี้กลายเป็นหมัน

ตัวอย่างในอดีตที่ผ่านมาทั้ง สมาคมยิงปืน ที่เสียทั้งเวลาและโอกาสไป 5-6 ปี จนถึงปัจจุบันที่ สมาคมฟุตบอลฯ อีก 10 ปี ก็พิสูจน์แล้วว่าการบริหารจัดการปัญหาข้อพิพาททางกีฬาโดยเฉพาะ กีฬาอาชีพ ซึ่งนับวันจะต้องเป็น เรื่องเฉพาะทาง มากขึ้นตาม พัฒนาการของธุรกิจกีฬา

ส่งกำลังใจถึง “บิ๊กก้อง” ผู้ว่าจอมขยัน ใจซื่อมือสะอาดอีกที ถึงเวลาที่จะต้อง ปฏิรูปกฎเกณฑ์ และ ปลดเกียร์ว่าง ปรับการทำงานเป็น เชิงรุก กันได้แล้ว เรื่องอย่างนี้น่าจะทำง่าย และใช้งบประมาณน้อยกว่าการเป็น “เจ้าภาพบอลโลก” หรือการจัด “เวิลด์เกมส์” เป็นไหนๆ

วีเออาร์