หน้าแรกแกลเลอรี่

“มาโน” มาไกล เซอร์ไพรส์ คุมทัพช้างศึก

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

3 ต.ค. 2564 04:30 น.

หัวข้อฮอตฮิตที่เกี่ยวกับฟุตบอลไทย นาทีนี้คงหนีไม่พ้นการได้มาของ “กุนซือช้างศึกชุดใหญ่” คนใหม่

หลายคนคงทราบกันดีแล้วว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และชุดยู-23 ตัดสินใจเลือกเอา มาโน โพลกิ้ง อดีตกุนซือตำนานของสโมสร ทรู แบงคอก ยูไนเต็ด ที่เพิ่งจะแยกทางกับ โฮจิมินห์ ซิตี้ ต้นสังกัดในศึกวีลีก เวียดนาม เข้ามาเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่ เพื่อลุยศึกชิงแชมป์อาเซียนหรือ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” ซึ่งต่อมาได้มีการเรียก จเด็จ มีลาภ และ หนึ่งฤทัย สระทองเวียน 2 โค้ชคนสนิทของ “มาดามแป้ง” เข้ามาทำงานร่วมด้วย

ว่ากันถึงประวัติของมาโน โพลกิ้ง วัย 45 ปี เขาเกิดที่ประเทศบราซิล ก่อนจะมาเติบโตและเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ในตำแหน่งกองกลางตัวรุกกับหลายสโมสร อาทิ เฟาเอฟเบ บีเลเฟลด์, อาร์มีเนีย บีเลเฟลด์, ดาร์มสตัดท์ ช่วงบั้นปลายได้ออกไปค้าแข้งที่ประเทศไซปรัส กับโอลิมเปียกอส นิโคเซีย และอาโปเอล นิโคเซีย ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2007 ด้วยวัย 31 ปี

ส่วนที่ประเทศไทย เขาเข้ามาทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนเมื่อปี 2012 เริ่มจากการเป็นผู้ช่วยโค้ชของ วิลฟรีด เชเฟอร์ กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยในขณะนั้น ซึ่งต่อมา วินนี่เสนอให้สมาคมฟุตบอลฯ แต่งตั้งมาโน เป็นเฮดโค้ชทีมช้างศึกชุดอายุไม่เกิน 22 ปี เพื่อทำศึกชิงแชมป์เอเชีย 2013 รอบคัดเลือก ที่ประเทศลาว

แต่ผลปรากฏว่า ทีมไทยได้แค่อันดับ 3ของกลุ่มเอฟ ลงเล่น 5 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้2เก็บได้ 7 คะแนน ไม่สามารถไปเล่นรอบสุดท้ายได้ความทรงจำของแฟนบอลในรายการนั้น กลับกลายเป็นผลการแข่งขันที่ทีมไทยปราชัยให้กับ “เจ้าภาพ” สปป.ลาว อย่างเหลือเชื่อ 0-1

หลังจากนั้นมาโนก็แยกทางกับวินนี และไปรับงานคุมทีมสโมสรในไทยลีก เริ่มด้วย อาร์มี ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2013 ซึ่งถือเป็นการแจ้งเกิดของเขา หลังพาทีมคว้าอันดับ 6 ในฤดูกาลถัดมา 2014 เขาถูกทาบทามให้ไปเป็นกุนซือของ สุพรรณบุรี เอฟซี แต่ทำงานได้แค่เลกเดียวก็โดนเด้ง หลังผลงานไม่ดีอย่างที่หวัง อยู่อันดับ 9 ของตาราง

หลังจากนั้น 1 เดือนถัดมา มาโนส้มหล่นก็ได้เข้าไปนำทัพ “แข้งเทพ” แบงค็อก ยูไนเต็ดแทน “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ที่ทำผลงานไม่ดีในเลกแรกเช่นกัน
และนั่นก็เป็นการเริ่มต้นซึ่งกันและกัน ระหว่างมาโนกับ “บียู” ในการสานสัมพันธ์ยาวนานถึง 6 ปีครึ่ง

อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่กับทีมจนรู้ไส้รู้พุงแบบทะลุปรุโปร่ง แต่เขาก็ไม่เคยพาทีมประสบความสำเร็จในเรื่องของการคว้าแชมป์แม้แต่แชมป์เดียว

มาโนได้เครดิตเป็นแค่ผู้สร้าง แต่ไม่ใช่ผู้มอบความสำเร็จให้ช่วงปลายปี 2020 จึงไปรับงานคุมทีมโฮจิมินห์ ซิตี้ ในวีลีก ประเทศเวียดนาม แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีก จนต้องจบที่การแยกทาง

สุดท้ายเขาได้เข้ามาคุมทีมชาติไทยชุดใหญ่ แบบเซอร์ไพรส์แฟนบอลส่วนใหญ่
มาโนมีภารกิจสำคัญในการนำทีมชาติไทยลุยศึกลูกหนังเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5 ธ.ค.2564-1 ม.ค.2565 นี้ ที่ประเทศสิงคโปร์
ด้วยเป้าหมายคือ “แชมป์” สถานเดียวเท่านั้น

ผู้สันทันกรณีบอกเอาไว้ว่า ไม่ยากเกิดเอื้อม แต่ โค-ตะ-ระ กดดัน

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ในส่วนของแฟนบอลเองยังเสียงแตกกันอยู่ กับการเลือกกุนซือผู้นี้เข้ามากุมชะตาช้างศึก

กลุ่มที่เห็นด้วยให้เหตุผลว่า มาโนคลุกคลีอยู่กับฟุตบอลไทยมานานพอสมควร ก็น่าจะมีความคุ้นเคย และมองเห็นข้อมูลของนักเตะได้ชัดเจน ที่สำคัญเงินเดือนไม่ (น่า) แพง

ขณะที่อีกกลุ่มซึ่งไม่เห็นด้วย ก็มองว่า เราต้องการมองหาความสำเร็จ โดนไม่มีข้อแม้ แต่เรากลับใช้โค้ชที่ไม่เคยประสบความสำเร็จเอาเสียเลย แม้กระทั่งในระดับสโมสรก็ตาม

แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ เห็นด้วยกับฝ่ายไหน!!!