ไทยรัฐฉบับพิมพ์
เหลือเวลาอีกไม่ถึงอาทิตย์ ศึกลูกหนังไทยลีกของเราก็จะกลับมา รีสตาร์ตฟาดแข้งกันได้อีกครั้ง
หลังจากเตะกันไปแค่ 4 นัด แล้วก็ต้องหยุดพัก อันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนัก ตั้งแต่เดือน มี.ค.เป็นต้นมา
อย่างที่ทราบกันดีว่าในระหว่างทางก่อนจะมาถึงตอนนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และบริษัท ไทยลีก ต้องประสบพบกับปัญหาอย่างมากมาย
ทั้งเรื่องนอกมุ้งและในมุ้ง!
ในขณะเดียวกันบรรดาสโมสรต่างๆก็ต้อง เจอกับวิกฤติเช่นกันทั้งหมด
โดยเฉพาะเรื่องของเงินงบประมาณที่หายวับไปในบัดดล
สถานการณ์จากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกพังพินาศ ซึ่งในประเทศ ไทยก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นกัน
อันเป็นเหตุให้บรรดาสปอนเซอร์ทั้งหลายจำเป็นต้องลดจำนวนเงินที่เคยสนับสนุนให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และทุกสโมสรชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งทำหน้าที่ผู้บริหารกีฬาฟุตบอลของประเทศนั้นดูจะสาหัส
เห็นกันชัดๆ และเป็นข่าวใหญ่ก็มี โตโยต้า ขอถอนตัวออกจากการเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ในฟุตบอลเอฟเอ คัพ ขณะที่ธนาคารออมสินก็ขอยุติการเป็นผู้สนับสนุนในฟุตบอลไทยลีก 3

ที่หนักหนาที่สุดคือการที่ “ทรูวิชั่นส์” จะไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่เหลืออีก 800 ล้านบาท
ทำให้สมาคมฟุตบอลฯตกอยู่ในสภาวะถังแตกทันที
จุดสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ถูกโยงไปถึงการที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯตัดสินใจเลื่อนการแข่งขันฤดูกาลนี้ ไปเริ่มวันที่ 12 ก.ย. และจะไปจบซีซันกันในเดือน พ.ค.ปีหน้า 2564
นั่นหมายความว่าเป็นการทำผิดสัญญาเดิมที่ทำกันเอาไว้...“ทรูวิชั่นส์” จึงมีสิทธิ์กระทำการดังกล่าว
ถึงแม้ไทยลีกจะได้ฤกษ์กลับมาเตะกันได้ แต่ก็เป็นการเตะใช้หนี้เงินค่าลิขสิทธิ์งวดแรก 400 ล้านบาท ที่สมาคมรับจากทรูวิชั่นส์มาแล้วเมื่อตอนต้นปีอยู่ดี
ส่วนที่มีการระดมสรรพกำลังในการหาเงินเข้ามาเสริมสภาพคล่องนั้น ก็ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ และยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมาชัดๆ ว่าได้รายรับเข้ามาช่วยเยียวยาเท่าไหร่
มองมุมไหนตัวเลขมันก็ยังคงเป็นตัวสีแดง
นี่ยังไม่รวมกับการถูกทวงถามถึงเงินสนับสนุนประจำปีจากสโมสรต่างๆอีกด้วย
เรื่องเงินติดลบว่าใหญ่แล้ว ยังมีเรื่องหนักไม่แพ้กันเข้ามาถมอีก
อีกประเด็นที่สะเทือนเลื่อนลั่นวงการฟุตบอลไทย เมื่อ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ, ขจร เจียรวนนท์ และวิลักษณ์ โหลทอง ผู้บริหารของ 3 สโมสรยักษ์ใหญ่ในไทยลีก ทั้ง การท่าเรือ เอฟซี, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวคัดค้านการที่สมาคมปฏิเสธใช้เทคโนโลยีวิดีโอที่ช่วยในการตัดสิน หรือ “วีเออาร์” ในไทยลีกฤดูกาลนี้ แม้สโมสรจะออกค่าใช้จ่ายเอง

เรื่องนี้เหมือนเป็นจุดแตกหัก จนเป็นที่มาของ 7 คำถามคาใจ จากสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ที่อาจ จะเรียกได้ว่าเป็นคำถามของเหล่าสโมสรทั้งหลายที่เกิดความคลางแคลงใจต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ (มานาน)
ประเด็นการเรียกร้องขอความชัดเจนเกี่ยวกับเงินสนับสนุน รวมถึงการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเรื่องงบดุลย้อนหลัง 3 ปี ของสมาคม เป็นเสียงที่ดังกังวานไปทั่ววงการ
ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็น “ภาพลบ”
สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถูกแจ้งข้อหาไม่น่าไว้วางใจ (จริงๆ) เสียแล้ว
นี่เป็นแค่ 2 ประเด็นใหญ่ ซึ่งร้อนแรงเหลือเกิน ก่อนที่ฟุตบอลลีกจะเริ่มขึ้น
ซึ่งหากจะให้เขียนถึงปัญหาทั้งหมดทั้งมวลตลอดห้วงระยะเวลาเกือบ 7 เดือน ที่ไทยลีกต้องสะดุดลงนั้น ต่อให้เขียนบรรยาย 3 วัน 3 คืนก็ไม่หมดเป็นแน่
อีก 6 วันข้างหน้า ไทยลีกจะรีสตาร์ตกันใหม่อีกครั้ง ท่ามกลางความยากลำบากอันแสนสาหัสของทั้งสมาคมกีฬาฟุตบอลและสโมสรทุกสโมสร
ก็ได้แต่หวังว่าทุกฝ่ายจะกัดฟันช่วยกันพาฟุตบอลลีกของเราฝ่าโคตรมรสุมเหล่านี้ไปได้
ต่อจากนี้ความเจ็บปวดมันมีแน่
แต่ก็ภาวนาขอให้บาดเจ็บแบบมีชีวิตรอดไปถึง ฝั่งก็แล้วกัน...ฟุตบอลไทย!