หน้าแรกแกลเลอรี่

มิบังควร !!

บี บางปะกง

10 ส.ค. 2563 06:00 น.

“ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ของวงการฟุตบอลบ้านเราที่ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วยันจนถึงสัปดาห์นี้

ก็คือเรื่องที่สมาคมลูกหนังไทย ของ “บิ๊กอ๊อด” พล ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ตกอยู่ในสภาวะ “ถังแตก”

จนถึงขั้นต้องออกมาประกาศกู้เงินจากแหล่งทุนทั้งในและนอกประเทศเพื่อให้ผ่านช่วงวิกฤติ “โควิด-19” นี้ไปให้ได้ !! 

เกิดอะไรขึ้นกับฟุตบอลไทยยุคนี้ 

ผลพวงจากการถอนสปอนเซอร์ของผู้สนับสนุนหลักบางราย มันส่งผลกระทบหนักต่อสภาพคล่องทางการเงินของสมาคมฯ ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ 

แล้วเงินมากมายมหาศาลจากผู้สนับสนุนเจ้าอื่นที่เขาจ่ายให้มาอย่างต่อเนื่องไม่เคยขาดมันหายไปไหนหมด 

รวมถึงคำถามที่ว่า ตัว “ผู้นำ” สมาคมฯ ที่มีสถานะทางสังคมที่เลิศหรูดูดี มีเงินบริจาคช่วยรัฐในช่วงโควิดเป็นสิบล้าน 

พอถึงเวลาองค์กรของตัวเองเดือดร้อนเข้าตาจน ทำไมถึงหาทุนทรัพย์มาหมุนเวียนไม่ได้ มันน่าแปลกใจจริงๆ

ประเด็นของการกู้ยืมเงินที่กำลังจะเกิดขึ้น (อีกครั้ง) ในยุคของ “บิ๊กอ๊อด” มันเหมาะสม ไม่เหมาะสม หรือบังควรมิบังควร แบบไหน อย่างไร? 

เมื่อศุกร์ที่ผ่านมา คุณจิรัฏฐ์ จันทะเสน อุปนายกสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ไลฟ์สดมาพูดคุยกับผมผ่านรายการ “เม้าส์กีฬาประสาบีบางปะกง” ด้วยอารมณ์ซีเรียสว่า

ประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย 104 ปี ที่ผ่านมา ยังไม่เคยปรากฏว่ามีนายกสมาคมฯ คนไหน ที่กล้าประกาศกู้เงินต่อสาธารณชนอย่างนี้มาก่อน 

ท่านสมยศเป็นคนแรกที่กล้าตัดสินใจแบบนี้

อย่าลืมว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็น สมาคมฯ เก่าแก่ ที่ก่อตั้งมาเป็นร้อยปี 

ที่สำคัญเป็นองค์กรที่ต่อท้ายว่า “ในพระบรมราชูปถัมภ์” 

ดังนั้นผู้บริหาร FA THAILAND ชุดปัจจุบัน จะคิด จะตัดสินใจทำการใด ควรต้องตระหนักอยู่เสมอ 

เพื่อมิให้เกิดความเสื่อมเสียพระเกียรติและเกียรติภูมิของวงการฟุตบอลไทย 

จริงอยู่อาจมีแฟนบอลบางท่านแย้งว่า การกู้เงินมาบริหารจัดการฟุตบอลไทยไม่น่าจะใช่เรื่องแปลก เพราะสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นก็เคยมีข่าวทำนองนี้มาแล้ว 

แต่อย่าลืมว่า สมาคมลูกหนังแดนซามูไร กับสมาคมฯ ของเรา นั้นมีความแตกต่างกัน 

สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘The Japan Football Association’ 

ส่วน สมาคมบอลของไทย มีชื่อเต็มยศว่า ‘The Football Association of Thailand under Patronage of His Majesty the King’

เห็นแค่นี้ ก็น่าจะรู้แล้ว ว่าอะไรควรทำ..ไม่ควรทำ !!   

คุณจิรัฎฐ์ เล่าต่อไปว่า ในอดีตที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าสมาคมฟุตบอลฯ จะไม่เคยเกิดวิกฤติทางการเงิน เคยเกิดมาแล้วหลายครั้ง 

แต่ผู้บริหารแต่ละยุคจะเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ต่างกันไป เลือกขายทรัพย์สินสมาคมฯ เลือกระดมทุน รับบริจาค หรืออะไรอย่างอื่นก็ว่ากันไป 

แต่ไม่เคยปรากฏข่าวมาก่อน ว่ามีนายกสมาคมฯ คนไหน เลือกใช้วิธี “กู้เงิน” เหมือนอย่างปัจจุบัน

จะอ้างว่าเดินตามรอย FA ญี่ปุ่น ก็ลองไปอ่านข่าวดูให้ดี ว่าเขากู้ในนามประธาน “เจลีก” ไม่ใช่ในนามสมาคมฯ 

บ้านเราก็ควรทำเหมือนกัน คือให้ บริษัท ไทยลีก หรือใช้ชื่อ “นายกสมยศ” ที่เป็นประธานไทยลีก ไปกู้มาก็ได้ 

แต่ไม่ควรเป็นในนาม ‘สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์’ ซึ่งดูไม่เหมาะ ไม่สม ด้วยประการทั้งปวง     

เช่นเดียวกับเรื่องของ “ถ้วยพระราชทาน”(ถ้วย ก, ข, ค และ ง)  ก็เหมือนกัน  

อยู่คู่กับ ‘วงการฟุตบอลไทย’ มาเนิ่นนานทุกยุคทุกสมัย ไม่เคยขาด

จะมามีก็แต่ FA THAILAND ชุดนี้ ที่ไม่รู้เอาถ้วยพระราชทานของพวกเราไปไว้ที่ไหน? 

คนฟุตบอล...เขาอยากรู้ !!!


บีบางปะกง