Lemon Juice
ไม่รู้ว่าจะต้องตีมือด้วยความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ถึงจะเพียงพอสำหรับการชื่นชม ยินดี สรรเสริญ และกล่าวขอบคุณ ความยอดเยี่ยมของเหล่านักเตะ “ช้างศึก” และคณะ
การบุกไปเยือนเสนายันเดิมอันเป็นถิ่นอาถรรพณ์ และไม่ค่อยถูกโฉลกนักของนักเตะสัญชาติไทยครั้งนี้ ต้องบอกว่ามันมีอะไรหลายอย่างที่ค่อนข้างเข้าทางทีมลูกหนังจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ไม่น้อย
ทั้งในแง่ของบรรยากาศกองเชียร์ที่เงียบเหงา ลดความกดดันลงไปได้มาก สภาพนักเตะเจ้าถิ่นที่ดูจะไม่ค่อยเต็มร้อย สวนทางกับฟอร์มการเล่นของทีมชาติไทย เรียกได้ว่าทุกอย่างเป็นใจแบบสุด ๆ
ย้อนหลังไปเกมที่เสมอกับเวียดนาม 0-0 ต้องบอกว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง ที่มีเพียงแค่แต้มเดียวจากเกมเปิดหัว ทั้งที่สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการเก็บ 3 แต้มเป็นอย่างมาก
ตลอดทั้ง 90 นาที ไทยเป็นต่อแทบจะทุกด้าน อาจจะมีเสียวหน่อยในช่วงท้ายเกม ที่ขุนพลสกุลเหงียนโต้กลับอย่างน่ากลัว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโอกาสทองให้เป็นประตูล้ำค่าได้
และไฮไลต์ที่ทุกคนพูดถึง คือการพลาดประตูในช่วงทดเจ็บของ “เช็ค” สุภโชค สารชาติ ทำให้เกมนั้นทั้งไทยและเวียดนาม ต้องแยกย้ายกันไปหลังจบ 90 นาทีด้วยสกอร์สมานฉันท์
อย่างไรก็ตาม “ประทานโทษ” แทนที่ สุภโชค จะระเบิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่โดนแฟนบอลบางส่วนจับมาเป็นแพะบูชายัญการพลาด 3 แต้ม ด้วยการโพสต์ข้อความโต้ตอบผ่านโซเชียลมีเดีย เหมือนแข้งดาวรุ่งอารมณ์ร้อนทั่วๆ ไป
แต่หนุ่มน้อยหน้ามนจากค่ายปราสาทสายฟ้า กลับก้มหน้ายอมรับในความผิดพลาด และมุ่งมั่นทำงานหนักต่อไปเพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง จนนำมาสู่ 2 ประตูแจ้งเกิดที่เกโลรา บุง การ์โน ในสีเสื้อช้างศึกชุดใหญ่
ที่สำคัญคือสปิริตของทีมก็ยอดเยี่ยมมาก บรรดาแข้งซีเนียร์ภายในแคมป์ทั้งที่เคยและไม่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้ ต่างออกมาให้กำลังใจ “น้องเช็ค” กันอย่างเต็มที่
นี่คือทัศนคติที่ยอดเยี่ยมของนักเตะรุ่นใหม่ ที่กำลังจะกลายมาเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ดีของทีมชาติไทยในอนาคต ทุกคนรู้ว่าตัวเองเป็นคนดัง เป็นนักเตะที่มีชื่อเสียง การจะเอาตัวเองไปแลกกับเกรียนคีย์บอร์ด ที่ถนัดแต่นั่งวิจารณ์ความผิดของคนอื่น มีแต่เสียกับเสีย
ดังนั้นการตั้งหน้าตั้งตาทำงานหนักต่อไป เพื่องัดเอาฟอร์มที่ยอดเยี่ยมมาตอกกลับคนเหล่านี้ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการสยบคำวิจารณ์
อย่างไรก็ตาม การปลดล็อกคว้าชัยครั้งแรกใน 5 นัดหลังสุดของทีมชาติไทย และการล้างอาถรรพณ์ 11 ปีที่ไร้ชัยบนสังเวียนเกโลรา บุง การ์โน ยังไม่ใช่จุดหมายที่สิ้นสุดของทีมชาติไทยชุดนี้
แต่ อากิระ นิชิโนะ และลูกทีม ยังมีภารกิจอีกหลายนัดเพื่อหยิบตั๋วเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายของเอเชียให้ได้ สามแต้มในเกมนี้อาจจะดูเหมือนหอมหวาน แต่ก็ยังรสเฝื่อนลิ้นให้เชฟใหญ่แห่งแดนปลาดิบ นำไปปรุงแต่งแก้ไขให้กลมกล่อมมากขึ้น
ประเด็นแรกคือ จังหวะการทำประตูที่ต้องเด็ดขาดกว่าเดิม จะสังเกตเห็นว่าใน 2 เกมแรกกับเวียดนามและอินโดนีเซีย ไทยมีโอกาสทำเกมรุกค่อนข้างเยอะ แต่ในจังหวะสุดท้ายหน้าประตูกลับทำได้อย่างน่าผิดหวัง
ดังนั้น นิชิโนะ ต้องเร่งปรับจูนความเข้าใจของแผงเกมรุกให้ดีขึ้น ทั้งจังหวะจ่ายบอล จังหวะเด็ดขาดบริเวณกรอบเขตโทษ รวมความสัมพันธ์และความเข้าใจในเกมที่ดูยังขาด ๆ เกิน ๆ อยู่ตอนนี้
ส่วนอีกประเด็นคือ ความผิดพลาดเล็กน้อย พลาดกลางสนาม ในสองเกมแรกมีจังหวะแบบนี้ให้เห็นแบบเต็มตาหลายครั้งมาก โชคดีที่คู่แข่งไม่เด็ดขาดพอ ไม่งั้นไทยคงเสียสถิติคลีนชีตไปแล้ว
แต่เกมต่อไปที่จะเปิดบ้านพบยูเออี หากยังแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านี้ไม่ได้ อาจโดนลงโทษได้ทุกเมื่อ ยิ่งทีมเยือนได้แข้งตัวเก่งอย่าง โอมาร์ อับดุลรามานห์ สลัดอาการเจ็บ กลับมาประจำการในแนวรุกด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เกมรุกของพวกเขาน่ากลัวขึ้นไปอีก
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ไม่ว่าคุณจะมีตั๋วอยู่ในมือหรือไม่อย่างไร ก็อย่าลืมตามเชียร์ทีมชาติไทยต่อไปในศึกคัดบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก เพราะทัพช้างศึกจะประสบความสำเร็จไม่ได้เลย หากขาดผู้เล่นคนที่ 12 ในสนาม
ที่สำคัญไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ยังรับหน้าที่ถ่ายทอดสดให้ชมกันทั่วประเทศอีกด้วย งานนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด.
-LEMON JUICE-