Lemon Juice
และแล้วก็มาถึงวันที่แฟนบอลไทยหลายคนรอคอย คือวันที่ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย จะปะทะกับ “ดาวทอง” ทีมชาติเวียดนาม ในเกมเปิดหัวคัดบอลโลก 2022 โซนเอเชีย รอบสอง
จะว่าไป แม้เกมนี้จะฟาดแข้งกันแค่ 90 นาที ไม่นับรวมช่วงทดเจ็บ แต่ความหมายที่มีของทั้งสองทีม สูงกว่านั้นมาก
ในข้อแรกคือ การวัดความเป็นหนึ่งของเจ้าอาเซียน เพราะเวียดนามคือทีมเดียวเท่านั้น ที่ยกระดับตัวเองขึ้นมาวัดศักดิ์ศรีกับไทยได้ระยะหลัง ทั้งการเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเอเชียน คัพ ครั้งล่าสุด รวมถึงการบุกเอาชนะไทยได้คาบ้าน 1-0 ในศึกคิงส์คัพ
ส่วนอีกข้อคือ 3 แต้มสำคัญ เพราะในกลุ่มนี้ต้องยอมรับว่าทุกแต้มที่เก็บสะสมได้ อาจหมายถึงตั๋วในการเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชียในบั้นปลายด้วย
ดูหน้าเสื่อเหมือนว่าไทยจะเป็นต่อทุกทีม แต่เอาเข้าจริง ๆ การบุกไปเก็บสามแต้มถึงบ้านของ เวียดนาม, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ถือเป็นงานที่หืดขึ้นคอแทบทุกครั้ง
กลับมาพูดกันที่ทัพ “ดาวทอง” ทีมชาติเวียดนามกันอีกครั้ง เพราะนับตั้งแต่ได้ “ปาร์ค ฮัง ซอ” เพื่อน “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เข้ามาคุมทีม ก็ต้องยอมรับเลยว่าพวกเขาเปลี่ยนไปมาก
ถ้าย้อนกลับไปในความทรงจำ ครั้งแรกที่ผมรู้จักพวกเขาคือในซีเกมส์ครั้งที่ 18 ที่จ.เชียงใหม่ ครั้งนั้นพวกเขาเจอกับไทยทั้งในรอบแรก และรอบชิงฯ แต่ก็แพ้ไทยทั้งสองนัดด้วยสกอร์ 3-1 และ 4-0
หลังจากนั้น พวกเขาก็ล้มลุกคลุกคลานมาตามลำดับ ดูเหมือนว่าจะดีในยุคของ “ท่านนายพล” เอ็นริเก คาลิสโต กุนซือจอมเฮี้ยบชาวโปรตุกีส ที่กล้า ๆ พาทีมหักด่าน “ช้างศึก” ก้าวขึ้นไปครองแชมป์อาเซียนเมื่อปี 2008
แต่หลังจาก คาลิสโต ทิ้งทีมเพื่อมาคุมเอสซีจี เมืองทองฯ ผลงานก็มีแต่ทรงกับทรุด เหมือนจะไปแต่ไปไม่สุด เปลี่ยนโค้ชเป็นว่าเล่นทั้งเวียดนามและต่างชาติ
ให้ไล่กันยาว ๆ ก็ตั้งแต่ ไม ดึ๊ก ชุง (ชั่วคราว), ฟัลโก เกิตซ์, ฟาน ธันห์ ฮุง, เหงียน วาน ไซ (ชั่วคราว), ฮวง วัน ฟุค, โทชิยะ มิอุระ, ไม ดึ๊ก ชุง (ชั่วคราว) กระทั่งมาเจอเนื้อคู่ที่ตามหาอย่าง ปาร์ค ฮัง ซอ ในปัจจุบัน
สิ่งที่ดูเหมือนจะขมขื่นแต่ก็ต้องยอมรับคือ ในปัจจุบันพวกเขากำลังพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และหัวใจสำคัญคือ “ทีมเวิร์ก” คือสิ่งขับเคลื่อนพวกเขาไปข้างหน้า
แต่....การเจอกับทีมชาติไทยในครั้งนี้ ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะมาเอาชนะได้ เพราะการเปลี่ยนโค้ชมาเป็น “อ.โนะ” อากิระ นิชิโนะ คือสิ่งที่ทุกทีมต้องระวัง
อย่าว่าแต่โค้ชปาร์คจะจับทางไม่ถูกเลยครับ แฟนบอลไทยเองก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่า “ช้างศึก” ยุคนี้จะมีหน้าตาออกมายังไง
เพราะพี่แกเล่นเลือกกองหน้าอาชีพมาแค่คนเดียว แต่หอกเดี่ยวกันคนนั้นยังอายุน้อย แถมเคยมีประวัติที่ไม่ค่อยน่าจดจำกับทัพดาวทองเท่าไร
อย่างไรก็ตาม ถึงจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนยังไง แต่สุดท้ายเป้าหมายของทีมชาติไทยคือ 3 แต้มเท่านั้นในเกมนี้ เพราะด้วยความผิดหวังที่ผ่านมา ในแง่หนึ่งก็มีด้านดีคือช่วยเพิ่มความกระหายให้กับนักเตะได้มากเช่นกัน
สุดท้ายวันนี้ ไม่ว่าคุณจะเคือง งอน หรือไม่พอใจผลงานของทีมแค่ไหนในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยหากกลับมารวมใจเชียร์ทีมชาติไทยในเกมนี้ เชื่อมั่นเหลือเกินว่ากองเชียร์ไทยจะไม่เสียใจอย่างแน่นอน.
-LEMON JUICE-