Lemon Juice
ในโลกที่ยุคโซเชียลมีเดียว่องไวใกล้เคียงกับความเร็วแสง ข้อมูลข่าวสารเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะอยู่ในซอกหลืบไหนของมุมโลก ถ้าคุณทำเรื่องราวที่ดีหรือไม่ดีเอาไว้ เชื่อแน่ว่าต้องโดยขุดคุ้ยมาตีแผ่กันได้ไม่ยาก
เกริ่นมาแบบนี้ไม่ใช่อะไรหรอกครับ แค่อยากจะบอกว่าโดยส่วนตัวรู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้ง ที่ได้รับรู้ข่าวสารด้านดีของวงการลูกหนังที่ตัวเองรัก ไม่ว่าจะเกี่ยวกับในหรือนอกสนามก็ตาม
อย่างที่ผ่านตากันไปเร็วๆ นี้ ก็คือภาพของทีมฟุตบอลหลายรายแสดงสปิริตที่ยอดเยี่ยม ด้วยการเก็บกวาดข้าวของทุกอย่างภายในห้องพักให้เรียบร้อย โดยไม่ต้องทิ้งภาระให้เจ้าหน้าที่มาทำสะอาด ขณะที่บางครั้งยังมีการทิ้งข้อความแสดงความ “ขอบคุณ” เอาไว้บนกระดานด้วย
โดยส่วนตัวไม่แน่ใจนักว่าวัฒนธรรมที่ดีนี้เริ่มขึ้นมาจากใคร แต่ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนทำให้อารยธรรมนี้เป็นที่รู้จัก คงต้องยกให้ “ญี่ปุ่น” เขาละ
ถ้าจำได้ล่าสุดในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งรอบ 16 ทีมสุดท้ายญี่ปุ่นพ่ายเบลเยียมไปแบบน่าเจ็บใจ ในช่วงท้ายเกม 2-3 แทนที่ขุนพลจากแดนซามูไรจะโวยวาย ระบายความเสียใจในห้องแต่งตัวจนเละเทะ
แต่ภาพที่ถูกเผยแพร่สู่สายตาชาวโลกคือ ห้องพักของพวกเขากลับสะอาดสะอ้าน หลังนักเตะและทีมงานขึ้นรถบัสกลับโรงแรมไปแล้ว ที่สำคัญยังทิ้งข้อความขอบคุณเจ้าหน้าที่ เป็นภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ และรัสเซีย เอาไว้ให้ดูต่างหน้า
นั่นแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ ความรับผิดชอบที่อยู่ในสายเลือด ตามวิถี “บูชิโด” เป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่แฟนบอลเองก็เช่นกัน ทุกเกมทั้งในระดับชาติและสโมสรที่กองเชียร์จากญี่ปุ่นเดินทางไปเยือน ภาพที่เห็นจนชินตาหลังจบเกมคือ กองเชียร์ทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิง จะกุลีกุจอเก็บขยะที่ตัวเองนำติดตัวเข้าสนาม ลงถุงขยะที่เตรียมมา
หลังจากนั้นวัฒนธรรมดังกล่าวก็ถูกเชิดชู และนำมาเป็นแบบอย่างที่ดี ให้กับเหล่ากองเชียร์ผู้มีอารยะได้ทำตาม ไม่เว้นแม้แต่ชาติในอาเซียน รวมถึงไทยด้วย
สิ่งเหล่านี้ คือสื่งที่ช่วยหล่อหลอมวงการลูกหนัง ให้น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิมในทุกๆ วัน และสิ่งที่น่ายึดมาปฏิบัติอย่างแท้จริง
ไม่ใช่พวกกองเชียร์ที่สมองเท่าเม็ดถั่ว ถอดกางเกงโชว์กล้องทีวี หรือเอาพลุมาจุดสร้างความรำคาญในสนาม แล้วปกปิดหน้าภายใต้ร่มผ้า ซึ่งนอกจากจะไม่สร้างสรรค์แล้ว ยังโดนด่าไปถึงบุพการีอีกด้วย
ดังนั้นถ้าแฟนบอลที่บอกว่ารักฟุตบอลจริง ควรแสดงออกทางการกระทำจะดีกว่านะครับ ไม่ใช่บอกว่ารักแค่ลมปากเท่านั้น.
-Lemon Juice-