พาวเวอร์บอมบ์
ถือเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมอีกครั้ง ของ “ชบาแก้ว” แข้งสาวทีมชาติไทย ในเกมรอบรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2018
พวกเธอวิ่งสู้ฟัดก่อนยันเสมอทีม อันดับ 6 ของโลก
และเบอร์ 1 ของเอเชีย อย่างออสเตรเลีย ชนิดได้ใจ แฟนบอลทั้งประเทศ
แม้เราจะพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษ 1–3 แต่เชื่อเหลือเกินว่าคงไม่มีแฟนบอลคนไหนต่อว่าต่อขานเรื่องผลงานแข่งขันที่ออกมา หากได้ดูเกม นัดนี้ตลอด 120 นาทีแรก ที่เสมอกัน 2–2
ผมเองเป็นหนึ่งคนที่อยู่ในสนามคิง อับดุลลาห์ ที่ 2 ในวันนั้น ขอยืนยันอีกเสียงอย่างหนักแน่นว่าทุกคนสู้สุดใจจริงๆ แต่ในอีกมุมก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า เราก็มีโอกาส แต่ปิดบัญชีไม่ลงเอง
รวมไปถึงการที่เราต้องเหลือตัวผู้เล่นแค่ 10 คน ในนาทีที่ 87 ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม
หากเราเหลือครบ 11 คน ป่านนี้ทีมชาติไทย อาจจะตบหน้าคนที่ปรามาสด้วยการผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศแล้วก็เป็นได้
นี่แหละฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
ส่วนตัวแล้วเห็นว่า เอดิตา มิราบิโดวา ผู้ตัดสิน ชาวอุซเบกิสถานก็มีส่วนที่ทำให้ชบาแก้วต้องอกหัก ทั้งๆที่สมควรที่จะเป็นผู้ชนะ
ดูจากภาพช้าในหลายๆจังหวะ มิราบิโดวา เป่าให้ทีมไทยเสียประโยชน์ และเชื่อเหลือเกินว่าแฟนบอลไทยก็คงจะก่นด่ากับพฤติกรรมการตัดสินของเชิ้ตดำผู้นี้ไปนานเลยทีเดียว
เอาเป็นว่าผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรไปมากกว่านี้ ทุกอย่างแฟนบอลคงได้เห็นกับตากันแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่เห็นก็ไปรีเพลย์เปิดดูเกมแบบเต็มๆกันได้
คงต้องบอกว่าแม้จะเสียดาย แต่ไม่เสียใจเลย
“ชบาแก้ว” ยังไม่หมดภารกิจในศึกชิงแชมป์เอเชียซะทีเดียว
พวกเธอยังมีโปรแกรมในนัดชิงอันดับที่ 3 กับ “มังกรสาว” ทีมชาติจีน ในวันที่ 20 เม.ย.นี้ อีกหนึ่งนัด ซึ่งถือเป็นนัดล้างตา หลังจากที่ในรอบแรกน่องอ่อนไทยพ่ายมาชนิดเกินคาด 0-4
มาถึงตรงนี้เชื่อว่าแฟนบอลไทยคงคอยเอาใจ ช่วยกันอย่างเต็มที่
ศรัทธากลับมาอย่างเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
บางทีผลแพ้-ชนะก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอไป
ขอให้สู้อย่างสมศักดิ์ศรีของคำว่าทีมชาติไทย
นั่นแหละเหนือสิ่งอื่นใด.
พาวเวอร์บอมบ์