หน้าแรกแกลเลอรี่

'ยกเหล็กไทย' วุ่น! ไอโอซีหั่นโควตา อลป. หลังเพิ่มชนิดกีฬา

ไทยรัฐออนไลน์

15 มิ.ย. 2560 21:30 น.

"สมาคมยกน้ำหนักไทยฯ" เจอเรื่องให้กลุ้มใจอีกครั้ง หลังทางด้าน "ไอโอซี" จ่อที่จะหั่นโควตาโอลิมปิก หลังจากที่เพิ่มโควตากีฬามาอีก 5 ชนิด แต่ยังคงยืนพื้นนักกีฬาที่ 10,500 คน ส่งผลให้ต้องมีการหั่นโควตาในส่วนอื่น...

วันที่ 15 มิ.ย. 60 ที่โรงแรมแกรนด์ ปรินซ์ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการประชุมใหญ่สหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ (ไอดับเบิลยูเอฟ) โดยมี ทามาส อาจาน ประธานไอดับเบิลยูเอฟ เป็นประธานในการประชุม และมี “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย รองประธานคนที่ 1 ไอดับเบิลยูเอฟ ร่วมด้วย

ภายหลังการประชุม พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวว่า สาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) มีการเพิ่มชนิดกีฬาขึ้นมา 5 ชนิดกีฬา แต่ทว่าจำนวนของนักกีฬาที่จะเข้าร่วมแข่งขันนั้น คงอยู่ที่ 10,500 คนตามเดิม ทำให้จะต้องมีการตัดโควตานักกีฬาจากชนิดอื่นๆ เพื่อเปิดทางให้กับกีฬาใหม่ที่เข้ามา

เสธ.ยอด กล่าวต่อว่า ทางไอโอซี ได้เริ่มดำเนินการโดยพิจารณาจากชนิดกีฬาใดถูกตรวจพบการใช้สารกระตุ้นในโอลิมปิกเกมส์ที่ปักกิ่ง และลอนดอน ก็จะลดโควตาจากกีฬานั้นๆ ออกไป ซึ่งสรุปแล้วจะมีการตัดโควตาทั้งสิ้น 285 ที่นั่ง จาก 7 ชนิดกีฬาคือ กรีฑา, ยกน้ำหนัก, ว่ายน้ำ, เรือพาย, เรือใบ, ยิงปืน และมวยปล้ำ โดยที่โดนมากที่สุดคือกรีฑา 105 ที่นั่ง ส่วนยกน้ำหนักนั้นโดนตัดไป 64 ที่นั่ง

“ทำให้จากเดิมโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่นครรีโอเดจาเนโรนั้น ยกน้ำหนักมีโควตาที่ ชาย 8 รุ่น และหญิง 7 รุ่น ซึ่งโอลิมปิกเกมส์ 2020 อาจจะเหลือชาย 7 หญิง 7 รุ่น ทั้งนี้ คณะกรรมการสหพันธ์ จะมีการประชุมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อพูดคุยและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และจะมีการสรุปต่อไป” รองประธานไอดับเบิลยูเอฟ กล่าว

พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนผลกระทบต่อประเทศไทยในเรื่องของโควตานั้น ในส่วนของนักกีฬาหญิงไม่น่าเป็นห่วง เพราะนักกีฬาไทยยังอยู่ในระดับต้นๆ ของโลก ซึ่งน่าจะยังคงโควตาที่ 4 รุ่นได้เช่นเดิม แต่ส่วนของนักกีฬาชายต้องรอการสรุปอีกครั้งหนึ่ง แต่เชื่อว่ารวมๆ แล้วไทยน่าจะยังคว้าโควตาไปโอลิมปิกเกมส์ที่ญี่ปุ่นได้อย่างน้อย 6 ที่นั่งแน่นอน

“สุดท้ายแล้ว เรื่องของการใช้สารต้องห้ามนั้นทางสมาคมฯ พยายามต่อต้านอย่างหนัก ซึ่งตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้อีกเลย มีการกำชับนักกีฬาอย่างหนักในเรื่องของการใช้สารต้องห้าม และอยากให้นักกีฬาแข่งด้วยความยุติธรรมที่สุด” เสธ.ยอด กล่าวปิดท้าย