หน้าแรกแกลเลอรี่

ระทึกใจก่อนไปฟุตซอลโลก หากไร้ มูฮัมหมัด..โดย กล้า ปีนเกลียว

MR .Unknown

1 เม.ย. 2567 08:32 น.

ฟุตซอลรายการ NSDF ที่นนทบุรี จบลงไปสำหรับ 3 ชาติที่เราได้ลงนวมด้วย ได้แก่ ออสเตรเลีย มาเลเซีย อัฟกานิสถาน ซึ่งนับเป็นงานสำคัญสำหรับการเตรียมความพร้อมของทีมชาติไทยก่อนจะชิงแชมป์เอเชีย คัดฟุตซอลโลก

สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่วงการฟุตบอลไทยขาดไปในช่วงหลายปี ซึ่งมักจะไม่ค่อยได้ทำ หรือทำได้ยาก

คือ การเตรียมทีมให้พร้อม ซึ่งควรจะต้องมีการอุ่นเครื่องสองสองสามเกมก่อน เพื่อจะให้รู้มือโค้ช รู้มือนักเตะ รู้คู่แข่ง

ส่วนใหญ่แล้ว ทีมฟุตบอลชาติไทย มักจะต้องลงสนามแข่งเลย แล้วไปวัดดวงเอาในแมตช์แรกว่าจะดีหรือร้ายยังไง ไม่ว่าจะเป็น ทัวร์นาเมนต์ซีเกมส์ ยู 23 เอเชียนเกมส์ ฟุตบอลโลก

ซึ่งทัวร์นาเมนต์ใหญ่แบบนี้ หากออกสตาร์ตไม่ดี แน่นอนว่าจะกลับลำลำบาก เกมแรกแพ้ไปแล้ว เกมอื่นๆ ต้องชนะอย่างเดียว เสมอ หรือแพ้ไม่ได้ มันก็เป็นงานที่ยากขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า

สิ่งเหล่านี้บรรดาสภากรรมการทั้งหลายต้องนำมาขบคิด รวมถึงประธานเทคนิค ที่คงต้องไปช่วยงานมาดามแป้ง ที่ไม่ได้ทำงานด้านเทคนิคตรงนี้เหมือนกับ บิ๊กอ๊อด สมัยก่อน ที่มีความรู้เรื่องบริหาร แต่อาจจะไม่เข้าใจเรื่องเทคนิคฟุตบอลว่า การเตรียมทีมที่ดีมันต้องแบบไหนยังไง บอลไทยต้องเตรียมยังไง ไม่ไช่เอะอะบอก ทีมชาติอังกฤษ เยอรมนี ญี่ปุ่น เขาไม่เห็นจะต้องมาเก็บตัวซ้อมเหมือนทีมชาติไทย

เราทำอะไร ก็ควรจะให้มันอินเตอร์สักหน่อย

ซึ่งป่านนี้คงจะรู้แล้วว่า ทีมชาติไทย ไม่ไช่ อังกฤษ เยอรมนี ญี่ปุ่น ที่จะมารวมทีมแล้วแข่งได้เลย

แต่บทเรียนนี้ราคามันแพงไป เพราะฟุตบอลโลก เอเชียนเกมส์ มัน 4 ปีครั้ง พลาดแล้วก็พลาดเลย

ทีนี้เมื่อสมาคมฯ ชุดใหม่ มาทำก็หวังว่าจะไม่ต้องลงทะเบียนวิชาเรียนราคาแพงแบบนี้อีก จนแฟนบอลไทยต้องร้องเพลงรอกันไปถึงชาติหน้า

...

กลับมาที่ฟุตซอลกันต่อ

ประโยชน์จากการได้บทเรียนในทัวร์นาเมนต์นี้มีมหาศาล เพราะมันเริ่มต้นจากการพ่ายแพ้ออสเตรเลีย แบบสู้ไม่ได้จริงๆ วิธีการเล่นมั่วมาก และผลงานนักเตะหลายคนแย่มาก

จนแฟนฟุตซอลไทยท้อ และเริ่มหมดกำลังใจว่า โค้ชเก่าในขวดใหม่ อย่าง มิเกล อาจจะไม่สามารถนำพาทีมไปสู่การเปลี่ยนแปลงและสร้างความสำเร็จได้

นักเตะใหม่ก็ยังขึ้นมาทดแทนไม่ได้

ส่วนนักเตะเก่า จิรวัฒน์, ศุภวุฒิ, คฑาวุฒิ น่าจะโรยรา

แต่แล้วการลงสนามนัดที่สอง ผลงานทีมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ทีมไทยเล่นเร็วขึ้น เกมรุกวูบวาบขึ้น นักเตะใหม่ดีขึ้น คนที่โดนด่าเละเทะอย่าง อลงกรณ์ ก็เล่นดีขึ้น ทำประตูได้ ส่วนตัวเก่า จิรวัฒน์, ศุภวุฒิ มีบทบาทมากขึ้น และเริ่มจะมีดาวเด่นอย่าง รุษ เมืองลุง ประตูจอมหนึบขึ้นมา

ทีมไทยดีขึ้นเป็นลำดับ เฉือนชนะมาเลเซีย และอัฟกานิสถาน ก่อนจะเข้าชิงฯ ล้างตากับออสเตรเลีย

และทีมไทยก็ฟอร์มพีกในนัดชิงฯ ล้างตาสำเร็จ ถล่มออสซี่ ทีมที่เข้ารอบชิงแชมป์เอเชีย 9-2

สถานการณ์พลิกจากร้ายกลายเป็นดี ชั่วข้ามคืน กองเชียร์กลับมามีความมั่นใจในศึกชิงแชมป์เอเชียอีกครั้ง

งานนี้เราได้ทีมที่มีเกมรุกที่ดีขึ้นตามแบบฉบับโค้ชมิเกล และได้ประตูที่เหนียวหนึบอย่าง อรุษ เส็นบัตร แจ้งเกิดกับทีมไทยในวัย 35 เข้ามา

แค่ยังเหลือจุดเดียวคือ นักเตะกำลังสำคัญอย่าง มูฮัมหมัด อุสมานมูซา กองหน้าลูกครึ่งไทย-กานา ที่ติดสัญญาต้นสังกัด คอร์โดบา มาช่วยทีมชาติไม่ได้สักที

แม้กระทั่งทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์เอเชีย ยังลูกผีลูกคน

แน่นอนว่าการมาของ มูฮัมหมัด จะเป็นเหมือนลิ่มที่จะช่วยตอกย้ำศักยภาพเกมรุกของทีมฟุตซอลชาติไทยขึ้นมาอีกระดับอย่างไม่ต้องสงสัย ดูกันง่ายๆ ทีมสโมสรระดับโลกอย่างสเปน ยังจำเป็นต้องมีเขาไว้ใช้งาน ขาดไปเสียไม่ได้ซะแล้ว

แต่เมื่อครั้งล่าสุดที่ มูฮัมหมัด กลับมา การปรับตัวของเขาจากลีกยุโรปมาเจอบอลอาเซียน เขายังทำผลงานได้ไม่ดีนัก

เขาจำเป็นต้องใช้ทัวร์นาเมนต์เพื่อปรับตัวให้เข้ากับเกมในระดับเอเชีย และประสานกับพื่อนร่วมทีม รวมถึงวิธีการเช่นกัน

เวลาที่เหลือนี้จึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญยิ่ง ต่อทั้งทีมชาติไทย และมูฮัมหมัด

มองกันอย่างร้าย หากว่า มูฮัมหมัด ไม่ได้กลับมาร่วมซ้อม และไม่ได้ร่วมแข่ง

ทีมชาติไทย ไม่ผ่านพระกาฬอย่าง ญี่ปุ่น อิหร่าน อุซเบฯ หรืออื่นๆ ที่อาจจะมาเจอนัดสำคัญ

ทีมชาติไทย วืดไป ฟุตซอลโลก ในรอบ 24 ปี

แม้ มูฮัมหมัด จะโคตรฮีโร่ ช่วยคอร์โดบาอยู่รอดในลีกสเปน

แต่ผู้เล่นระดับเขา ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในระดับโลกอย่าง ฟุตซอลโลก ได้

ราชันอย่างเขาก็จะไม่ได้เป็น ตำนานของฟุตซอลไทย และฟุตซอลโลก

การไปเล่น และฝึกปรือที่ยุโรป ก็แทบจะไร้ประโยชน์สำหรับการไปค้าแข้งในครั้งนี้สำหรับทุกๆ ฝ่ายอย่างแท้จริง

เรื่องนี้คือหัวเลี้ยวสำคัญ สำหรับวงการฟุตซอลไทย ก่อนไปชิงแชมป์เอเชีย...