บี บางปะกง
ไม่รู้จะใช้คำไหน นอกจาก “ล้มเหลว” โดยสิ้นเชิง
กับผลงานของทีมฟุตบอลไทย ในซีเกมส์ 2023 ที่กัมพูชา
บอลหญิง ชวดชิงเหรียญทอง ได้แค่ที่ 3 กลับบ้าน
ส่วน บอลชาย ทำท่าจะดูดี
แต่สุดท้ายก็พ่าย อินโดนีเซีย ในนัดชิง รับเพียงเหรียญเงินกลับบ้านไป
การได้รองแชมป์ในครั้งนี้ ไม่ใช่ประเด็นซีเรียสอะไรมากมายหรอกครับ!
แต่ที่น่าผิดหวังและรับกันไม่ได้เลย
คือ ภาพความรุนแรงของนักเตะสตาฟฟ์โค้ชทั้งสองทีมที่สาวหมัดใส่กันอุตลุต
โดยเฉพาะทีมงานผู้ฝีกสอนบางคน แทนที่จะห้ามทัพ
กลับกลายเป็นตัวจุดชนวนซะเอง...จนเรื่องราวบานปลาย แทบจะคุมไม่อยู่
อย่างที่ทุกท่านได้เห็นจากภาพข่าวฉาวโฉ่ อย่างน่าละอายที่สุด!!
ป่วยการ..ที่จะมาสำนึกได้ตอนหลัง แล้วบีบน้ำตาขอโทษ
เพราะสิ่งที่คุณทำมันส่งให้ภาพลักษณ์“ทีมชาติไทย”ตกตำ่ไม่มีชิ้นดี
ถ้ารู้ตัวว่าผิดพลาดไปแล้ว ก็ต้องรีบ “ลาออก” ไปซะ...โดยไม่ต้องรอบทลงโทษจากสมาคมฯ
“โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร เองก็เหมือนกัน อย่าปกป้องสตาฟฟ์ตัวเองเด็ดขาด
ต้องโละทิ้งเปลี่ยนแปลงใหม่ เพื่อเดินไปข้างหน้า เพราะมันเป็นเรื่องของประเทศชาติ
อะไรที่ถูกต้อง เหมาะสมอยู่แล้วให้คงไว้
ส่วนที่สร้างความเสียหาย และไม่ก่อประโยชน์ต่อส่วนรวม
ต้องตัดใจทิ้งไปโดยเร็ว
ซึ่งสิ่งที่เขียนในวันนี้ ไม่ใช่ผมคิดไปคนเดียว
แต่เชื่อว่าแฟนลูกหนังทั่วประเทศและคนในวงการฟุตบอลไทยก็คงคิดเหมือนๆกัน
อย่าง “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ก็ให้สัมภาษณ์กับผมถึงทีมชาติชุดซีเกมส์ว่า....
เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในนัดชิง เป็นสิ่งที่นักเตะไทยต้องเรียนรู้
โดยเฉพาะการควบคุมอารมณ์ซึ่งสำคัญมากในเกมฟุตบอลระดับชาติอย่างนี้
น้องๆทุกคนอายุยังน้อยอาจไม่มีประสบการณ์
แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทุกคนต้องจำไว้เป็นบทเรียน อย่าให้เกิดแบบนี้อีก
เรื่องการทะเลาะวิวาทสำหรับนักฟุตบอลด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องแปลก มีทุกยุคทุกสมัยให้เห็น
แต่สิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้น และให้อภัยไม่ได้เลย
คือการที่สตาฟฟ์โค้ชบางคนไปมีเรื่องต่อยตีกับอินโดนีเซีย
ทั้งที่จริงๆคนเป็นโค้ชมีหน้าที่ต้องห้ามนักเตะ ไม่ใช่ไปก่อความรุนแรงเสียเอง
เรื่องนี้ทางสมาคมฯต้องมีบทลงโทษอย่างหนัก
คนผิดคือสตาฟฟ์โค้ชที่ก่อเรื่อง ยังไงก็ต้องปรับเปลี่ยน
เอาคนที่มีวุฒิภาวะมากกว่านี้เข้ามาดูแลเด็ก
ไม่งั้นจะพังกันหมดหมือนนัดชิงซีเกมส์ที่ผ่านมา !!
นอกจากนี้ อดีตดาวยิงซูเปอร์สตาร์ “หมายเลข1” ตลอดกาล ของเมืองไทย ยังให้ทรรศนะด้วยว่า
ซีเกมส์ครั้งนี้ บอกให้เรารู้ตัวว่า ฟุตบอลไทย ไม่ได้เหนือกว่าใครในอาเซี่ยน เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
หลายชาติพัฒนามาอยู่ระดับเดียวกับเรา หรืออาจจะเหนือกว่าด้วยซำ้
อย่าง อินโดนีเซีย และ เวียดนาม เวลานี้ ลงสนามเจอไทย เขาไม่กลัวเลย
เปิดเกมสู้บู๊แหลกอย่างมั่นใจ
เทคนิค ความสามารถเฉพาะตัวนักเตะก็ไม่เป็นรอง
แถมความแข็งแกร่ง และความฟิต ดูดีกว่าผู้เล่นของเรา อย่างชัดเจน
สำหรับ “โค้ชหระ” ตนมองว่าทำทีมได้ดีแล้ว และควรสานต่อไปสู่เป้าหมายในโอลิมปิก
เช่นเดียว กับ “บิ๊กหยิม” ยุทธนา หยิมการุณ ผู้จัดการทีม ก็สอบผ่านในการดูแลทีม ไม่มีปัญหา
แต่ควรต้องเพิ่มเติมในส่วนของทีมงาน หาอดีตทีมชาติที่มีประสบการณ์ความรู้เข้ามาช่วย
บอลไทยยุคนี้ยังมีปัญหาเรื่องโครงสร้างที่ต้องเปลี่ยนกันใหม่ทั้งหมด
ภาพใหญ่ของการเมืองบ้านเรา ถูกเปลี่ยนแปลงแล้วด้วย “คนรุ่นใหม่”
ถึงเวลาแล้วหรือยัง...ที่ “ฟุตบอลไทย”
จะต้องเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ด้วยบุคคลคุณภาพ ในวงการลูกหนัง
ที่มีความสามารถ...และรู้ถึงปัญหาที่แท้จริง !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com