บี บางปะกง
เลือกคนที่รัก...เลือกพรรคที่ใช่ !!
แล้วเสียงของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ก็ปรากฎออกมาแล้ว จากผล “การเลือกตั้งใหญ่” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ก็หวังว่านับจากนี้ “ประเทศไทย” จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม..มากกว่าในอดีต
ในฐานะ “คนกีฬา” และ สื่อมวลชน “สายฟุตบอลไทย” อย่างเข้มข้น!
ผมก็เหมือนแฟนลูกหนัง (ส่วนใหญ่) ที่ต้องการให้แรงกระเพื่อมทางการเมือง
ช่วยทำให้บอลไทยของเราดีขึ้น บอลลีกภายในประเทศแข็งแกร่ง
อันจะส่งผลให้สิทธิประโยชน์ต่างๆเติบโต งอกงาม
ไม่ใช่ยิ่งจัด ยิ่งเจริญ ฮวบ ฮวบ เหมือนอย่างที่เป็นทุกวันนี้
เช่นเดียวกับ “ทีมชาติไทย” ที่ต้องมีเป้าหมายชัดเจน ในการพัฒนาไปสู่แถวหน้าของทวีปเอเชีย
สรุปรวมความแล้ว บอลไทยจะดีไม่ดี ก็อยู่ที่คนลูกหนังและสโมสรสมาชิกทั้งหลาย
ว่าจะตัดสินใจอย่างไร? กับการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ในปีหน้า
พูดถึงทีมชาติไทยแล้ว อังคารที่ 16 พ.ค.นี้ ก็ต้องฝากแฟนกีฬาบ้านเรา ส่งกำลังใจไปพนมเปญกันเยอะๆ
เพื่อลุ้นเชียร์ขุนพลนักเตะไทยพลังหนุ่ม ยู22
ที่ตอนนี้ใกล้บรรลุภารกิจทวง “เหรียญทองซีเกมส์” กลับคืนมาเต็มที
หลังพวกเขาเพิ่งกำราบแข้งพม่ารามัญในรอบตัดเชือก อย่างขาดลอยถึง 3-0
ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลชาย “คัมโบเดีย2023” ไปพบกับ “อิเหนา” อินโดนีเซีย
ที่สวมหัวใจสิงห์โค่นแชมป์เก่า ทีมชาติเวียดนาม 3-2 ทั้งที่เหลือผู้เล่นในสนามแค่ 10 คน
โดยยิงประตูชัยดับญวนในนาทีสุดท้ายของช่วงทดเจ็บ
ทำให้นักเตะเหงียน ชวดเข้าชิงกับทีมไทย ตามที่นัดกันไว้
การเอาชนะ เมียนมา ในรอบรองชนะเลิศ ทำให้ ทีมชาติไทย ทำสถิติเข้าชิงเหรียญทอง ในกีฬาซีเกมส์ เป็นครั้งที่ 22
โดยสมหวัง เข้าชิงแล้วได้เหรียญทองมาคล้องคอถึง 16 ครั้ง
และเป็นการเข้าชิงกับ อินโดนีเซีย เป็นครั้งที่ 4 โดย 3 ครั้งก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย
ซีเกมส์ 1991 ที่ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เสมอ ไทย 0-0 ก่อนอิเหนา เตะจุดโทษชนะ 4-3
ซีเกมส์ 1997 ที่อินโดนีเซีย ไทย เสมอ อินโดนีเซีย 1-1 แต่คราวนี้ เป็นทีมชาติไทยที่หักอกเจ้าภาพ ด้วยการชนะดวลจุดโทษ 4-2
และ ซีเกมส์ 2013 ที่เมียนมา ไทย เฉือนชนะ อินโดนีเซีย 1-0
ซึ่งซีเกมส์กัมพูชาครั้งนี้ สถานการณ์ของทีมชาติไทย ใกล้เคียงกับซีเกมส์ที่แดนหม่องเมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นอย่างยิ่ง
เพราะไทยเราไม่ได้เหรียญทองมาแล้วถึง 2 สมัยเหมือนๆกัน
จนได้ “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เข้ามาเป็นฮีโร่ทวงเหรียญทองแห่งศักดิ์ศรี เหรียญนี้กลับคืนมาได้สำเร็จ
โดยเชือดชัยเหนือแข้งชวา ในรอบชิงชนะเลิศ เพียงลูกเดียวเท่านั้น
ซึ่งวันก่อนผมได้มีโอกาสโทรคุยกับ “โค้ชซิโก้” ซึ่งคุมลูกทีมฮองอันห์ ยาลาย อยู่ที่เวียดนาม
เจ้าตัวได้พูดถึง ทีมชาติไทย ที่เข้าชิงกับ อิเหนา ในครั้งนี้ว่า...
นักเตะทีมชาติชุดนี้ เล่นบอลเน้นผล ตามยุทธวิธีที่โค้ชสั่งลงไปทุกอย่าง
คล้ายกับลูกทีมชาติไทยของตน ตอนปี 2013 ที่เนปิดอว์ ซึ่งไม่ได้เล่นบอลเอ็นเตอร์เทน
แต่หวังผลการแข่งขันในแต่ละเกม จนไปถึงเหรียญทองที่เอาชนะอินโดฯได้ในรอบชิง
ต้องชื่นชมน้องๆทีมซีเกมส์ทุกคน ที่เล่นบอลอย่างมีวินัย และสามารถทดแทนกันได้หมด ทั้งตัวจริงตัวสำรอง
ที่น่าพอใจ คือเราผ่านเข้ารอบชิงมาได้แบบไม่บอบช้ำอะไรเลย
ซึ่งตรงนี้ต้องยกเครดิตให้คนเป็นกุนซือ อย่าง “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร
ที่เตรียมทำการบ้าน วางหมากทุกอย่าง มาเป็นอย่างดี ตั้งแต่เกมประเดิมสนาม
มาถึงชั่วโมงนี้เราเป็นต่ออินโดฯที่ผ่านเกมหนักในรอบตัดเชือกมาแบบสะบักสะบอม
แถมยังต้องขาดตัวหลักที่โดนใบแดงในนัดชิงไปอีก น่าจะทำให้เขายวบไปพอสมควร
เชื่อว่าเกมนี้ถ้าเราไม่ประมาท ค่อยๆเล่นไปตามเกมอย่าบุ่มบ่าม
มีจังหวะแล้วค่อยทำเหมือนแมตช์ที่ผ่านๆมา
ที่สำคัญอย่าเสียประตูก่อน จะทำให้เล่นลำบาก และกดดัน
เพราะทัวร์นาเมนต์นี้เราไม่เคยโดนใครยิงนำก่อนเลย
ตรงข้ามกันถ้าเรานำก่อน ทุกอย่างก็น่าจะจบ ไม่มีปัญหา
มั่นใจว่าที่สุดแล้วเหรียญทอง สมัยที่ 17 ของทีมชาติไทย ...คงไม่หนีไปไหนแน่
ซึ่งนั่นจะทำให้บทสรุปการทวงแชมป์ซีเกมส์..ที่ทุกคนปรารถนา ของ “โค้ชหระ”
เดินตามรอยรุ่นพี่ อย่าง “โค้ชซิโก้” เป๊ะๆ เลย !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com