หน้าแรกแกลเลอรี่

บอลไทย (ต้อง) เปลี่ยนสี

บี บางปะกง

10 เม.ย. 2566 06:00 น.

บอลไทย (ต้อง) เปลี่ยนสี

“พรรคเพื่อไทย” ถือเป็นพรรคการเมืองแรก

ที่ชูนโยบายหาเสียงด้วยกีฬามหาชน อย่าง “ฟุตบอล” ได้เด่นชัดที่สุด!

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา "บิ๊กเอ" ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานที่ปรึกษานโยบายด้านกีฬาของพรรคเพื่อไทย 

ได้ทำการแถลงข่าวเปิดตัวนโยบาย "สร้างโอกาสใหม่ เพื่อฟุตบอลไทย" 

ซึ่งได้รับความสนใจจากคอลูกหนังทั่วประเทศ...

ที่ต่างหันมาจับจ้องว่า คราวนี้นี่แหละ 

มีโอกาสสูงทีเดียว ที่กีฬาลูกหนัง...จะกลายเป็น “วาระแห่งชาติ” กันเสียที 

เพราะความฝันของพวกเราที่อยากจะเห็น “บอลไทยไปบอลโลก” ให้ได้ในชาตินี้ 

มีสิทธิ์เป็นจริงได้ ถ้าภาครัฐโดดเข้ามาเป็นเจ้าภาพในการสร้างรากฐาน ไปสู่การต่อยอดอย่างจริงจัง 

จริงๆ แล้วผมไม่แปลกใจเลยครับ ที่เพื่อไทยชูฟุตบอลขึ้นมาเป็นจุดขาย 

เพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน เป็นแฟนลูกหนังตัวยง 

ที่เคยมีโอกาสเข้ามาสัมผัสกับทีมฟุตบอลชาติไทยอย่างใกล้ชิด ในฐานะผู้จัดการทีมมาแล้ว 

ดังนั้น จึงน่าจะพอรู้ตื้นลึกหนาบาง รวมทั้งปัญหาต่างๆ 

ซึ่งฉุดรั้งการพัฒนาบอลไทยในยุคปัจจุบัน ได้เป็นอย่างดี! 

โดย 2-3 ปีก่อนหน้านี้ คุณเศรษฐา เคยเขียนจดหมายถึงผมในคอลัมน์ “ตะลุยฟุตบอลโลก” ของกราวกีฬาไทยรัฐ

เพื่อถ่ายทอดมุมมองต่างๆ ที่มีต่อวงการลูกหนังบ้านเราอย่างตรงไปตรงมา

ที่สำคัญองค์ความรู้ในแต่ละเรื่อง แต่ละประเด็น 

เป็นอะไรที่เฉียบคม วิสัยทัศน์กว้างไกล และรู้จริง...อย่างเหลือเชื่อ!!   

ดังนั้น..แผนงานพัฒนาฟุตบอลไทย ที่ ผศ.พิมล ได้ถ่ายทอดออกมา ให้สื่อมวลชนได้รับฟังแต่ละข้อ  

จึงทำให้แฟนบอลทั้งหลายได้มองเห็นภาพอย่างชัดเจน 

สำหรับเป้าหมายของโครงการนี้ คือการยกระดับมาตรฐานกีฬาฟุตบอลไทย ให้เทียบกับระดับนานาชาติ 

สร้างนักกีฬาให้ก้าวไปสู่นักฟุตบอลอาชีพระดับโลก 

โดยจะต้องเป็นการพัฒนาระบบนิเวศของวงการฟุตบอล (Ecosystem) 

ให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับทุกภาคส่วนของวงการกีฬา 

ทั้ง นักฟุตบอล, ผู้ฝึกสอน, ผู้ตัดสิน และนักวิทยาศาสตร์การกีฬา

ส่วนแนวทางการปฏิบัตินั้น ทางพรรคเพื่อไทย จะมอบหมายให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เข้าไปจัดลีกเยาวชนและยุวชนทั่วประเทศ 

ตั้งแต่รุ่นอายุ 13, 15, 17 และ 19 ปี ซึ่งจะทำให้มีทีมเข้าร่วมราวๆ 400 ทีม 

และมีนักกีฬาอย่างน้อย 10,000 คน อยู่ในระบบของฟุตบอลไทย 

จากนั้น คัดนักกีฬาที่มีศักยภาพสูง เข้าไปอยู่ใน Talent Center เพื่อส่งเสริมให้ได้ไปฝึกซ้อมยังต่างประเทศ 

เช่น ปัจจุบัน กกท. ได้จับมือกับ บุนเดสลีกา เยอรมนี แล้ว 

ก็จะเพิ่มทั้งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หรือเจลีก ญี่ปุ่น เข้ามาด้วย 

เพื่อสร้างช่องทางให้นักกีฬาได้ไปฝึกซ้อมยังต่างประเทศที่มีคุณภาพต่อไป 

นอกจากนี้ จะให้เครือข่ายของ กกท.จัดเก็บข้อมูลนักเตะ เพื่อเป็นฐานข้อมูลของนักเตะไทย ทั้งในไทยและต่างประเทศเอาไว้ 

รวมถึงผลักดันโครงการพัฒนาผู้ฝึกสอนและผู้ตัดสิน ให้ได้มาตรฐานระดับนานาชาติต่อไป

การเข้ามาครั้งนี้ไม่ได้จะมาทำแข่งกับสมาคมฟุตบอลฯ 

แต่จะมาช่วยเหลือสนับสนุนสมาคมฯ เพื่อยกระดับฟุตบอลลีก ต่อยอดไปสู่ระดับนานาชาติ 

สุดท้ายแล้วนักฟุตบอลที่สร้างขึ้นมา ก็จะถูกส่งมอบต่อให้กับสมาคมฯ ได้ใช้งานต่อไปในระดับทีมชาตินั่นเอง

โดยหลังจากที่ได้รับเลือกตั้ง ก็จะเข้าไปพบกับผู้บริหารสมาคมลูกหนังไทย เพื่อหารือเรื่องนี้ทันที 

ซึ่ง “บิ๊กเอ” ประธานที่ปรึกษาด้านกีฬาพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า... 

ความฝันของคนไทยทุกคน คือการได้เห็นทีมชาติไทยไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 

ทางพรรคก็หวังว่า สิ่งที่เราจะทำ จะช่วยให้บรรลุไปถึงจุดนั้นได้ แต่เราต้องค่อยๆ ไต่ระดับไป  

เริ่มจากการกลับมาเป็นเจ้าลูกหนังซีเกมส์ และทำอันดับโลกให้เป็น “เบอร์ 1 อาเซียน” ให้ได้เสียก่อน 

และทั้งหมดคือนโยบาย “สร้างโอกาสใหม่ เพื่อฟุตบอลไทย” 

ที่พรรคเพื่อไทย จะทำให้เป็นจริงให้ได้ เมื่อมีโอกาสเป็นรัฐบาล

ลูกหนังของประเทศเรา...ต้องดีขึ้นกว่านี้แน่ 

ขอแค่เปลี่ยนสี จากที่เคยอึมครึม  

เป็นเฉดอื่นบ้าง...แค่นั้นพอ !!! 

- บี บางปะกง - 
joggingboy_be@yahoo.com