บี บางปะกง
จาก “วินิจคัพ” ถึง “น้าแอ๊ดคัพ”
6 ปีที่รอคอย
ในที่สุดสาวก “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างผม
ก็ได้กลับมาฉลองถ้วยแชมป์อีกคำรบ..จนได้
ถึงแม้จะเป็นถ้วยเล็กสุดของเกาะอังกฤษ อย่าง “ลีกคัพ” หรือ “คาราบาวคัพ”
ที่หลายคนชอบแซวว่าเป็น “ถ้วยมิกกี้เม้าส์”
แต่กับการ “นับ 1” ในยุคสร้างทีมใหม่ของโค้ชโป้งเหน่ง “เอริก เทน ฮาก” ในเวลาไม่ถึงแปดเดือนอย่างนี้
ก็ต้องถือว่ายอดเยี่ยมกระเทียมดอง (ที่สุด) ...แล้วละครับ
เมื่อเทียบกับป๋าเฟอร์กี้ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือผู้เป็นตำนาน
ที่ต้องใช้เวลาเหยียบ 4 ปีเลยทีเดียว
กว่าจะได้ชูถ้วยใบแรกให้พลพรรคเรดเดวิล กับแชมป์เอฟเอคัพ 1990
บอกตามตรงตอนที่ เอริก เทน ฮาก เข้ามารับงานช่วงแรกๆ
ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เขาจะรับมือกับสารพัดปัญหาหมักหมมในถิ่นโอลด์แทรฟเฟิร์ดได้หรือเปล่า?
หรือจะท่าดีทีเหลว เหมือนเฮดโค้ชคนก่อนๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของผีแดง
ไม่ว่าจะเป็น หลุยส์ ฟาน กัล, โจเซ่ มูรินโญ หรือโอเล กุนนาร์ โซลชา
ที่สุดท้ายต้องแยกทางไป แบบจบไม่สวยสักกะคน!
ยิ่งตอนออกสตาร์ตฤดูกาล ที่ เทน ฮาก นำทีมปราชัยคู่แข่ง 2 แมตช์รวด
ตอนนั้นบอกตามตรงเลยว่า มันเซ็งมะก้องด้อง พูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ
ได้แต่ปลงว่า สภาพ แมนยูฯ ตอนนี้ มันคงยากจะเยียวยา
เอาโค้ชเทวดาที่ไหนมา ก็คงไม่ดีไปกว่านี้หรอก!
แฟนๆ ทั้งหลายคงต้องทำใจ ยอมรับสภาพ ความเป็นไปของทีม
ที่กำลังถูกลดเกรด ไปอยู่ระดับ “กลางตาราง” ที่ไม่มีลุ้นอะไร กับใครเขาเลย
แต่ทว่าสิ่งที่ผมคาดการณ์มันผิดคาดแฮะ
เพราะยอดกุนซือชาวดัตช์เริ่มแสดงฝีไม้ลายมือของตัวเองออกมา
ด้วยการค่อยๆ ชำระสะสางปมปัญหาต่างๆ ภายในทีมอย่างผู้มีปัญญาเขาทำกัน
โดยเฉพาะการลดบารมีของซุปเปอร์สตาร์ตัวเก๋า อย่าง “คริสเตียโน โรนัลโด” จนแทบจะกลายเป็นศูนย์
ทำให้เจ้าตัวต้องเก็บข้าวของอพยพออกจากสโมสรไปในท้ายที่สุด
การสร้างบรรยากาศภายในทีมให้นักเตะแต่ละคนทั้งตัวเก่าและตัวใหม่ฮึกเหิม กระหายในความสำเร็จ
ซึ่งผลที่ออกมาก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้ กลับมาเล่นฟุตบอลอย่างมีคุณภาพ
เชียร์สนุก มีสีสัน อย่างที่แฟนๆ อยากจะเห็นมานานแล้ว
เรียกว่า “โรงละครแห่งความฝัน” กลับมาเป็น “เธียเตอร์ ออฟ ดรีม” อีกครั้ง...อย่างไม่น่าเชื่อ!
พูดถึงความสำเร็จในการปลุกผี ของ เอริก เทน ฮาก ในคราวนี้แล้ว
ผมก็อดจะขอเคลมด้วยไม่ได้ ว่าจริงๆ แล้ว ยอดกุนซือแดนกังหันลม
มาเริ่มต้นออกสตาร์ตการทำงานคุมลูกทีมผีแดง อย่างจริงๆ จังๆ เป็นครั้งแรก ก็ที่เมืองไทยเรานี่แหละ
กับอภิมหาฟุตบอลนัดหยุดโลก "เดอะ แมตช์ แบงค็อก เซ็นจูรี่ คัพ 2022"
ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว
ศึกแดงเดือดในไทย ที่แมนยูฯ ระเบิดฟอร์มเหี้ยมถล่มคู่ปรับตลอดกาล ลิเวอร์พูล ขาดลอย 4-0
กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ เอริก เทน ฮาก และลูกทีมของเขาจะไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน
เพราะโทรฟีใบแรกที่พวกเขาได้แบกกันมากับมือ
แท้จริงแล้ว ไม่ใช่ “คาราบาวคัพ” นะครับ
แต่มันคือถ้วย “เดอะแมตช์” ของเสี่ยวินิจ เลิศรัตนชัย
ที่ปัจจุบันถูกตั้งเด่นเป็นสง่า อยู่กลางพิพิธภัณฑ์ที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด...นั่นไง
จำได้อ๊ะเปล่า!?!
นี่ถ้าไม่มีถ้วยใบใหญ่ “วินิจคัพ” ในวันนั้น
บางที..เราอาจไม่ได้เห็นถ้วยใบเล็ก “น้าแอ๊ดคัพ” ในวันนี้
ก็ได้นาาา 555
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com
ป.ล. ไหนๆ ก็เขียนถึง “เดอะแมตช์” แล้ว
ก็เลยขอเชิญชวนให้แฟนกีฬาบ้านเรา
ไปร่วมชม ศึกสนุกเกอร์ 6 แดง ชิงแชมป์โลก
“ปทุมธานี ซิกส์ เรด เวิลด์ แชมเปียนชิพ 2023”
เวิลด์คลาสอีเวนต์ “เดอะแมตช์ 2” ที่เสี่ยวินิจ ตั้งใจจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
ระหว่างวันที่ 6-11 มี.ค. 66 นี้
ณ ธรรมศาสตร์คอนเวนชั่นเซนเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
กันนะครับ !!!