เบี้ยหงาย
คิวใหม่สำหรับโอลิมปิก 2020 ซึ่งจะแข่งในปี 2021 หรือปีหน้า ซึ่ง “ไอโอซี” คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ร่วมกับเจ้าภาพ ญี่ปุ่น เคาะออกมาเรียบร้อย และ ถือว่ารวดเร็วทีเดียว จะแข่งกันระหว่างวันที่ 23 ก.ค. ถึง 8 ส.ค. 2564
ท่ามกลางการตัดสินใจที่รวดเร็วนี้ มีการเปิดเผยเบื้องหลังออกมา การเคลียร์ปัญหา ประชุม หรือพูดคุย ผ่านทางวิดีโอคอลข้ามประเทศทั้งสิ้น ซึ่งประธานไอโอซี โธมัส บาค ได้มีการหารือกับสหพันธ์กีฬา ต่างๆ 33 องค์กร ที่มีแข่งขันในโอลิมปิก ซึ่งแต่ละสหพันธ์ที่มีคิวแข่งชิงแชมป์โลกของตนในปีหน้า ต่างก็เสียสละ จัดคิวใหม่ให้เป็นทอดๆก่อน ทำให้ปฏิทินกีฬาไม่ทับซ้อนกัน จะมีอุปสรรคบ้างก็ในส่วนของนักกีฬาอาชีพบางกีฬา ที่คิวใหม่จะกระทบกับการล่าเงินรางวัลของบางคน จึงอาจจะไม่เข้าร่วมการแข่งขัน
เมื่อเคลียร์คิวกันเรียบร้อย เรื่องใหญ่อย่างค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ซึ่งไอโอซีเซ็นสัญญาไปแล้ว และจะได้ส่วนแบ่ง 73 เปอร์เซ็นต์ จากยอดรวม 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 1.8 แสนล้านบาท ก็ไม่เป็นปัญหา นั่นจึงทำให้การเปลี่ยนเวลาแข่งไปเป็นปีหน้าออกมาราบรื่นอย่างที่เห็น
แต่ที่ยังเป็นประเด็นต่อก็คือค่าเสียหาย หรือจะเรียกว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เจ้าภาพญี่ปุ่น จะต้องควักเพิ่มกับการเลื่อนครั้งนี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ชาวญี่ปุ่นประเมินออกมาว่า การเลื่อนไป 1 ปี ญี่ปุ่นจะต้องใช้เพิ่มราว 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.96 แสนล้านบาท เพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาสนามแข่งขัน และสถานที่ต่างๆ รวมถึงการเตรียมการใหม่ ทั้งเรื่องอาสาสมัคร การประชาสัมพันธ์ และผลเกี่ยวเนื่องทางธุรกิจอื่นๆ
ตรงนี้ญี่ปุ่นและไอโอซีจะร่วมรับผิดชอบกันอย่างไร ก็คงจะเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันอย่างหนักต่อไป
เอาเป็นว่าเมื่อโอลิมปิกขยับไป ก็หมายถึงยังมีแข่งขันแน่นอน และเมื่อมีแข่งก็ย่อมต้องสู้กัน เตรียมกัน ภายใต้เงื่อนเวลาที่เปลี่ยนไป
และแน่นอนย่อมต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในแต่ละกีฬา และนักกีฬาแต่ละคน ซึ่งนอกจากศักยภาพ และการเตรียมตัว อาจจะมีปัจจัยด้านอายุ และรวมถึงแผนชีวิตของแต่ละคนกับเงื่อนเวลาที่เปลี่ยนไปหรือไม่
บวกกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้การดำเนินชีวิตปกติเปลี่ยนไป ยิ่งนักกีฬาที่ต้องการการฝึกซ้อม ก็ต้องมีวิธีการที่แตกต่างไปจากเดิม การติดต่อประสานงาน วางแผนกัน ก็ต้องมีข้อจำกัดของมาตรการ Social Distancing
นั่นจึงต้องปรับกระบวนท่า ทั้งการทำงาน วางแผน และฝึกซ้อม ตามบทบาทหน้าที่กันไป แต่ก็ต้องไม่ทำให้ประสิทธิภาพของการเตรียมตัวทั้งนักกีฬา โค้ช และผู้บริหารสมาคมกีฬา เพื่อรับมือกับกีฬาโอลิมปิกที่จะเกิดขึ้นในอีก 1 ปีเศษๆ ข้างหน้าด้อยลง
ไม่ใช่อยู่บ้านรอเวลาให้สถานการณ์คลี่คลายไปเฉยๆ
ไอโอซียังเคลียร์ปัญหาได้โดยไม่ต้องมานั่งประชุมพบปะกัน กีฬาไหน นักกีฬาคนใดจะฝึกฝนกันอย่างไรในช่วงเวลานี้ ก็ต้องคิดอ่านกัน
วิกฤติไวรัสทำให้ต้องกักตัวอยู่กับบ้านกันนานเท่าไหร่ก็ไม่ต้องคิด คิดถึงการอยู่บ้านแล้วทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับเป้าหมายโอลิมปิก ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่เหลืออยู่อย่างเดียวของคนกีฬายามนี้ก็ว่าได้
ใช้ประโยชน์จากข้อจำกัดที่ต้องทำกันยามนี้ ดีกว่าอยู่เปล่าๆแน่นอน...
เบี้ยหงาย