ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ก้าวเข้าสู่ปี 2020 กันแล้ว
กวาดตามองปฏิทินตลอดปีนี้ เชื่อว่าแฟนๆกีฬาชาวไทยทั้งหลายจะแฮปปี้กันแน่นอน โดยเฉพาะ มี 2 เกมใหญ่ๆ ให้ได้ติดตามกัน ซึ่งเป็นรายการที่คอกีฬาเฝ้ารอมานาน ทั้งเกมที่เราชาวไทยเป็นกองเชียร์ กองลุ้นดูอยู่ห่างๆอย่าง ฟุตบอลยูโร 2020 จะได้เห็นลีลาของยอดนักเตะจากทีมหัวกะทิของยุโรปและอีกเกม เป็นศึกใหญ่ของชาติที่สายเลือดไทยลงแข่งขัน กับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียวเกมส์ ซึ่งเราๆ ท่านๆ จะได้ส่งเสียงเชียร์ทัพนักกีฬาของเราอย่างสุดใจ
เริ่มที่ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบสุดท้าย หรือ “ยูโร 2020” จะฟาดแข้งกันวันที่ 12 มิ.ย.-12 ก.ค.นี้ ซึ่งรายการนี้ ถือว่าเป็นมหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่รายการหนึ่ง เนื่องจากทีมที่เข้าร่วม ล้วนเป็นทีมระดับท็อปของโลก แถมบรรดาซุปเปอร์สตาร์ของวงการลูกหนัง ก็ชุมนุมอยู่ในยุโรปเป็นส่วนใหญ่
จึงทำให้ศึกยูโร เป็นที่น่าจับตามอง ไม่แพ้ศึกฟุตบอลโลก
สำหรับในปี 2020 นั้น ถือว่าเป็นการครบรอบการก่อตั้งของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ครบ 60 ปี ทำให้การแข่งขันครั้งนี้ มีความพิเศษกว่าทุกครั้ง โดยจะมีเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันถึง 12 ประเทศด้วยกัน ประกอบด้วย อัมเตอร์ดัม/ฮอลแลนด์, บากู/อาเซอร์ไบจาน, บิลเบา/สเปน, บูดาเปสต์/ฮังการี, กลาสโกว์/สกอตแลนด์, บูคาเรสต์/โรมาเนีย, โคเปนเฮเกน/เดนมาร์ก, ดับลิน/ไอร์แลนด์, มิวนิก/ เยอรมนี, โรม/อิตาลี, เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก/รัสเซีย และลอนดอน/อังกฤษ โดย มิเชล พลาตินี อดีตประธานยูฟ่า ที่เป็นคนคิดค้นทัวร์นาเมนต์ฉลองครบรอบ 60 ปียูฟ่าขึ้นมานั้น เรียกศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบสุดท้ายว่าเป็น “ทัวร์นาเมนต์แห่งความโรแมนติก”
นัดเปิดสนาม วางโปรแกรมไว้เรียบร้อย จะจัดขึ้นที่สนามโอลิมปิก สเตเดียม ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ส่วนรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ จะฟาดดวลเกือกกันในสนาม เวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ในรอบสุดท้าย 24 ชาติ “ยูฟ่า” ได้จับสลากแบ่งสายเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย กลุ่ม เอ : อิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์, ตุรกี, เวลส์, กลุ่ม บี : เบลเยียม, รัสเซีย, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, กลุ่มซี: ยูเครน, ฮอลแลนด์, ออสเตรีย, เพลย์ออฟ เอ/ดี (ไอซ์แลนด์, บัลแกเรีย, ฮังการี, โรมาเนีย, จอร์เจีย, เบลารุส, มาซิโดเนีย หรือโคโซโว)
กลุ่ม ดี : อังกฤษ, โครเอเชีย, สาธารณรัฐเช็ก, เพลย์ออฟซี (สกอตแลนด์, อิสราเอล, นอร์เวย์, เซอร์เบีย), กลุ่ม อี : สเปน, โปแลนด์, สวีเดน, เพลย์ออฟบี(สโลวะเกีย, บอสเนีย, ไอร์แลนด์ เหนือ, ไอร์แลนด์), กลุ่ม เอฟ: เยอรมนี, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส, เพลย์ออฟ เอ/ดี (ไอซ์แลนด์, บัลแกเรีย, ฮังการี, โรมาเนีย, จอร์เจีย, เบลารุส, มาซิโดเนีย หรือโคโซโว)
โดยการแบ่งกลุ่มแต่ละสายที่ออกมานั้น ยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังขาดอีกสายละ 1 ทีม โดยจะทำการเตะรอบเพลย์ออฟกันในช่วงต้นปี 2020 ไม่เกินสิ้นเดือน มี.ค.นี้ได้รู้กันว่า โปรแกรมการแข่งขันแบบสมบูรณ์แบบจะเป็นอย่างไร
สำหรับตัวเต็ง ในปีนี้คงหนีไม่พ้น “สิงโตคำราม” อังกฤษ ของ กาเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือคนเก่ง ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือก แถมขุมกำลังยังเพียบพร้อม โดยเฉพาะดาวรุ่งฟอร์มกำลังจัดจ้านเลยทีเดียว จนทำให้บรรดากูรูต่างๆ ยกให้ อังกฤษ มีโอกาสสูงที่จะคว้าแชมป์ยูโร 2020 ไปครอง
รองลงมาเป็น “ตราไก่” ฝรั่งเศส รองแชมป์เก่า ที่อกหักมาจาก 4 ปีที่แล้ว มาครั้งนี้ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ นายใหญ่ทัพ “เลอ เบลอส์” ก็พร้อมที่จะคว้าแชมป์ลบล้างความเสียใจในครั้งก่อนให้ได้ แม้ว่าจะถูกจับอยู่ในกรุ๊ปออฟเดธร่วมกับ โปรตุเกส และ เยอรมนี ก็ตาม
ขณะที่เต็ง 3 ร่วมตกเป็นของ “กังหันลมสีส้ม” ฮอลแลนด์ อดีตแชมป์ยูโรปี 1988 ที่กลับมาเล่นในระดับทัวร์นาเมนต์เมเจอร์อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน 4 ปี และ “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม อันดับ 3 ฟุตบอลโลกปี 2018 นอกจากนั้นก็มี “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เป็นเต็ง 4 ร่วมกับ “กระทิงดุ” สเปน เต็ง5 “อัซซูรี” อิตาลี ตามมาด้วย โปรตุเกส แชมป์เก่าหล่นลงมาเป็นเต็ง 6
เรียกได้ว่า ยูโร 2020 เป็นทัวร์นาเมนต์ที่แปลกใหม่สำหรับการจัดแข่งขันฟุตบอล แต่รับรองว่าความมันส์นั้นไม่แพ้ครั้งก่อนๆ อย่างแน่นอน
ถัดมา เป็น โอลิมปิก 2020 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 32 วันที่ 24 ก.ค.-9 ส.ค.นี้ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ลงคะแนนในการประชุมที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ให้กรุงโตเกียว ของญี่ปุ่น เอาชนะ กรุงมาดริด ของสเปน และกรุงอิสตันบูล ของตุรกี มาได้ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่น ยังจะได้รับหน้าเสื่อจัดกีฬาคนพิการ พาราลิมปิก 2020 วันที่ 25 ส.ค.-6 ก.ย. ควบคู่กันไป
โอลิมปิก โตเกียว 2020 ถูกคาดหมายว่า จะเป็นโอลิมปิกที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ด้วยเจ้าภาพญี่ปุ่น มีความพร้อมรอบด้าน ไม่เพียงแค่การบริหารจัดการ การเตรียมพร้อมด้านสนาม และบุคลากร การคมนาคมที่สะดวกสบาย ยังมีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ซึ่งจะถูกนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจ ให้ทั้งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ กว่า 15,000 คน จาก 207ประเทศ พร้อมทั้งผู้ที่จะมาเยือนจากทั่วโลกด้วย
ส่วนตราสัญลักษณ์ของโตเกียวเกมส์ ต้องลงทุนออกแบบกันใหม่ เป็นรอบที่ 2 หลังรอบแรกถูกกล่าวหาว่าไปคล้ายสัญลักษณ์ของโรงละครในเบลเยียม ก่อนที่จะได้ออกมาเป็น ลายตาหมากรุก ที่เรียกว่า “อิชิมัตสุ โมโย” ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยเอโดะ หรือเมื่อ 300-400 ปีที่แล้ว อันเป็นการผสผสานกับการจัดวางรูปแบบใหม่ ที่กำหนดให้เป็นตัวแทนของความแตกต่างของชนชาติต่างๆ
ภายใต้แนวคิด “Unity in Diversity” หรือเอกภาพภายในความแตกต่างที่หลากหลาย
มาสคอต หรือ สัญลักษณ์นำโชค ได้รับเลือกมาจากการโหวตของเยาวชนชั้นประถมของญี่ปุ่น รูปแบบเป็นตัวการ์ตูนทันสมัย ถูกใจคนรุ่นใหม่ โดย โอลิมปิก เป็นตัว สีน้ำเงิน ชื่อ มิไรโตวะ ซึ่งเกิดจากการผสมคำภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า อนาคต กับ นิรันดร์กาล ขณะที่พาราลิมปิก เป็นสีชมพู ชื่อ โซมิอิ โยชิโนะ ซึ่งเป็นต้นซากุระสายพันธุ์ที่มีมากที่สุดในญี่ปุ่น มีดอกสีขาวหรือชมพูจางๆ
ในส่วนของการแข่งขันโอลิมปิก เจ้าภาพจัดการชิงชัยทั้งหมด 33 ชนิดกีฬา 324 เหรียญทอง โดยหลักๆ แล้วจะแข่งกันที่กรุงโตเกียว มีเพียงแค่ วิ่งมาราธอน และเดินทนเท่านั้น ที่ถูกโยกไปที่เมืองซัปโปโร เพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่คาดว่าจะร้อนอย่างที่สุดที่กรุงโตเกียว
ขณะที่นักกีฬาไทย ผ่านการคัดเลือก เข้าไปชิงชัยในรอบสุดท้าย อย่างเป็นทางการ แล้ว 13 คน
ประกอบด้วย “แซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ (ยิงเป้าบิน/แทร็ปชาย), “แบม” กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม (เรือใบ/เลเซอร์ เรเดียลหญิง), “ดาว” ศิริพร แก้วดวงงาม (วินด์เซิร์ฟ/อาร์เอสเอ็กซ์หญิง), “บีซ” จุฑาธิป มณีพันธุ์ (จักรยาน/ถนนหญิง), “กัปตัน” อิศรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร (ยิงปืน/ปืนสั้นยิงเร็ว 25 ม.ชาย), “เอิน” ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ (ยิงปืน/ปืนสั้นสตรี 25 ม.), “ธันย่า” ธันยพร พฤกษากร (ยิงปืน/ปืนสั้นสตรี 25 ม.), “ณี” สุธิยา จิวเฉลิมมิตร (ยิงเป้าบิน/สกีต), “วอร์ม” อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข (ยิงเป้าบิน/สกีต), ขี่ม้าอีเวนติ้ง (“มิ้น” อาริย์ณัฏฐา ชวตานนท์, “นัท” กรธวัช สำราญ และ “บอมบ์” วีรภัฎ ปิฏกานนท์) และ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทควันโด/รุ่น 49 กก.หญิง)
โดยที่ นักกีฬาไทย รายอื่น ยังมีโอกาสอีกหลายกีฬา ที่จะได้ไปโอลิมปิก โตเกียว 2020 ซึ่งจะลงแข่งขันในรอบคัดเลือกช่วงที่เหลือจากนี้ เช่น ฟุตบอลเยาวชน 23ปีชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ วันที่ 8-26 ม.ค. ซึ่งมีทั้ง หมด 16 ทีมร่วมฟาด แข้ง เพื่อคัดเพียง 3 ชาติไปโอลิมปิก รอบสุดท้าย
วอลเลย์บอลหญิง รอบคัดเลือก โอลิมปิก โซนเอเชีย ไทยเราก็รับหน้าเสื่อจัดเช่นกัน วันที่ 7-12 ม.ค. ที่จังหวัดนครราชสีมา มีทั้งหมด 7 ทีมเข้าร่วม และจะคัดเพียงทีมเดียว เป็นตัวแทนทวีปไปโตเกียวเกมส์ ซึ่งคาดหมายว่า ทีมตบลูกยางสาวไทย จะแย่งตั๋วใบนี้ กับเกาหลีใต้
ส่วน มวยสากลสมัครเล่น ซึ่งจัดการแข่งขันโดย ไอโอซี ที่เข้ามากำกับดูแลแทน สหพันธ์มวยนานาชาติ (ไอบา) จะคัดนักชกจากทวีปต่างๆรวม 4 ทวีป หนึ่งในนั้น ทวีปเอเชีย จะแข่งขัน วันที่3-14 ก.พ. ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน อย่างไรก็ตาม หากพลาดในโซนทวีป ไอโอซี ยังเปิดให้นักชกที่ยังไม่สมหวัง ได้แก้ตัวอีกครั้งในรายการชิงแชมป์โลก วันที่ 13-20 พ.ค. ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ขณะที่ แบดมินตัน สหพันธ์แบดมินตันโลก ยังเปิดให้นักตบลูกขนไก่ทั่วโลก เก็บคะแนนสะสมจนถึงวันที่ 26 เม.ย. ทว่าค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า หญิงเดี่ยวของไทย จะได้โควตาไปไม่น้อยกว่า 2 คน หนึ่งในนั้นเป็น “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ส่วนชายเดี่ยว คาดว่าจะเป็น “กัน” กันตภณ หวังเจริญ หญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ และคู่ผสม “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย
ด้าน จักรยาน “ทีเจ” จาย อังค์สุธาสาวิทย์ นักปั่นหนุ่มไทยในประเภทคีริน ที่ทำผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ หากผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ รายการชิงแชมป์โลก สนามสุดท้าย วันที่ 26 ก.พ.-1 มี.ค. ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ก็มีโอกาสสูง ที่ทำคะแนนถึงเกณฑ์ ผ่านเข้ารอบสุดท้าย โอลิมปิก ได้อีกคน เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ คือบิ๊กแมตช์แห่งปี 2563 ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ก็ต้องติดตามกันว่า ทีมใดจะเป็นแชมป์ฟุตบอลยูโร 2020 ถูกใจแฟนๆรึเปล่า
ทัพนักกีฬาไทย จะถึงฝัน ไขว่คว้าเหรียญทองโอลิมปิก โตเกียวเกมส์ ได้หรือไม่
อีกไม่นานเกินรอ เราจะได้พิสูจน์ไปพร้อมกัน...
“กราวกีฬาไทยรัฐ”