“คิงส์คัพ” ครั้งที่ 47 บทพิสูจน์ช้างศึก

ขณะที่สังเวียนฟาดแข้งในปีนี้จำเป็นต้องโยกไปเตะที่ช้าง อารีนา จ.บุรีรัมย์ อันเนื่องมาจากราชมังคลากีฬาสถานไม่พร้อม

จะว่าไปคิงส์คัพครั้งนี้ ก็เป็นบทพิสูจน์ของ ช้างศึกในหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถูกตั้งคำถาม ว่าเป็นเบอร์หนึ่งอาเซียนจริงหรือไม่ เนื่องจากช่วงหลังมานี้ ทีมดาวทอง ทำผลงานข่มทีมชาติไทยมาเกือบทุกชุด

เฉพาะทีมชุดใหญ่ “นักเตะสกุลเหงียน” การันตี ความยอดเยี่ยมด้วยการคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ในปี 2018 ต่อด้วยทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในฟุตบอล เอเชียน คัพ

พวกเขาจะใช้ขุมกำลังที่ดีที่สุดมาบดแข้งกับเราในคิงส์คัพ นำโดยเหงียน คอง เฟือง นักเตะสโมสรอิชชอน ยูไนเต็ด ของเคลีก พร้อมด้วย 2 นักเตะจากไทยลีก อย่างเลือง ซวน ตรวง มิดฟิลด์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และดัง วาน ลัม นายทวารจากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด รวมไปถึงเหงียน กวาง ไฮ คีย์แมนคนสำคัญที่ปั่นป่วนไทยชุดยู 23 มาแล้ว

ส่วนทีมชาติไทยต้องไร้ซุปเปอร์สตาร์อย่าง “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ได้รับบาดเจ็บเอ็นกล้ามเนื้อฉีก ระหว่างฝึกซ้อมกับคอนซาโดเลซัปโปโร จนต้องถอนตัวในที่สุด

ถึงกระนั้นก็ตาม ทีมไทยก็ยังมีอีก 2 ผู้เล่นจากเจลีก อย่าง “เจ้าอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายของโยโกฮามา เอฟ มารินอส และ “เจ้านิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มิดฟิลด์สไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์จากโออิตะ ทรินิตะ เป็นตัวชูโรง

อีกคนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทีมก็คือ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา เจ้าตัวจะลงเล่นในฐานะกัปตันทีมพ่วงกับสถิติลงรับใช้ชาติเป็นนัดที่ 100 อีกด้วย ถือเป็นอีกเกียรติประวัติของเจ้าตัวหลังจากรับใช้ชาติมาอย่างยาวนาน

หากช้างศึกต้องการทวงบัลลังก์มือ 1 ของ ภูมิภาคนี้กลับคืนมา

วันพุธที่ 5 มิถุนายนนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่สุด!!

ด้านการทำหน้าที่ของ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ในรายการนี้ก็น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะที่ผ่านมาเขารับบทกุนซือจำเป็นในเอเชียนคัพ แต่ก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์เป็นครั้งแรก ส่วนแมตช์ในไชน่า คัพ ที่ประเทศจีน ก็คุมทีมหักเขี้ยวมังกรได้อีกด้วย

จนมาถึงรายการนี้หาก “ช้างศึก” ไปได้สวย ก็คงมีคำถามตัวโตๆว่า โค้ชโต่ยจะได้ไปต่อในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกหรือไม่

ขณะเดียวกัน รายการนี้ได้การรับรองจากฟีฟ่าให้เป็นแมตช์ระดับ อินเตอร์เนชั่นแนล “A” แมตช์ จึงมีผลต่อคะแนนฟีฟ่า แรงกิ้ง ทีมไทยที่อันดับโลกน้อยที่สุด น่าจะได้ประโยชน์หากสามารถเอาชนะทีมใดทีมหนึ่งได้

โดยโปรแกรมแข่งขันของคิงส์คัพ วันที่ 5 มิ.ย. คู่แรก กือราเซา พบ อินเดีย เวลา 15.30 น. และต่อด้วยเวลา 19.45 น. ไทย พบ เวียดนาม ส่วนในวันที่ 8 มิ.ย. เวลา 15.30 น. เป็นคู่ชิงอันดับ 3 และคู่ชิงชนะเลิศ เริ่ม 19.45 น. ซึ่งไทยรัฐ ทีวี ช่อง 32 ถ่ายทอดสดให้ชมทุกคู่

คิงส์คัพ ครั้งที่ 47 มีความสำคัญสำหรับช้างศึกหลากหลายมุม

และแน่นอนที่สุดแฟนบอลต้องการรักษาถ้วยของพระราชาไว้ในบ้านเรา.

พิสิฐ ภูตินันท์ เรื่อง