โจโจ้
เผลอแป๊บเดียว “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี นั่งเก้าอี้บริหารงานค่ายหัวหมากมาได้ 6 เดือนแล้ว บางคนที่ดูผิวเผินอาจจะไม่ค่อยเห็นอะไร แต่ถ้าดูรายละเอียดลึกๆ “บิ๊กก้อง” เข้ามาทำอะไรให้วงการกีฬาเยอะมาก
ลำพังงานปกติที่ต้องดูแลหรือสานต่อผู้ว่าการคนก่อนนั้น เป็นธรรมดาที่ต้องทำเป็นกิจวัตรตามหน้าที่อยู่แล้ว
แต่นอกเหนือจากนั้นคือ การไปดูงานศึกษารูปแบบโครงการที่ทันสมัยเข้ากับยุคในปัจจุบันเพื่อให้วงการกีฬาไทยก้าวทัดเทียมกับนานาชาติ
ที่สำคัญ ก่อนที่จะเข้ามานั่งบริหารงานแบบ เต็มตัวในตำแหน่งผู้ว่าการ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงรักษาการ ท่านก็ลงทุนควักกระเป๋าตัวเองไปดูงานหลายที่โดยไม่พึ่งงบหลวง นับเป็นการแสดงสปิริตและแสดงให้เห็นถึงการเป็นนักบริหารงานตัวจริง
เท่าที่ดูและฟังในวันแถลงผลงาน ผมถือว่าวงการกีฬาไทยกำลังจะพลิกโฉมครั้งสำคัญสู่ความ ทันสมัยทัดเทียมระดับโลก ภายใต้โปรเจกต์ยักษ์ของ “ดร.ก้องศักด” ผู้ว่าการ กกท.คนที่ 13
ดร.ก้องศักดมองเห็นปัญหาสำคัญของวงการกีฬาเมืองไทยที่ไม่สามารถทำให้ก้าวไปไกลได้เท่าที่ควรเมื่อเทียบกับต่างชาติ ไม่เว้นแม้แต่ละแวก อาเซียนอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย ที่พัฒนาก้าวกระโดดรุดหน้าจนแซงขึ้นเป็นหัวแถวของภูมิภาคไปแล้ว
การผุด 12 โปรเจกต์ยักษ์ที่จะยกระดับวงการกีฬาไทยให้ทันสมัยและเปี่ยมประสิทธิภาพในทุกมิติ ภายใต้นโยบาย นำ “กีฬา” พัฒนาประเทศ เศรษฐกิจ สังคม ถือเป็นการตอบโจทย์ที่ตรงประเด็น และครอบคลุมในทุกมิติของการพัฒนาวงการกีฬา
ไฮไลต์คือ การสร้างศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ ที่นอกจากจะนำเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาแล้ว บริเวณโดยรอบยังเตรียมถูกเนรมิตให้เข้าถึงประชาชนทั่วไปได้มากขึ้น
โดยเน้นที่ความทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น “สปอร์ตมอลล์” ห้างสรรพสินค้าที่จะรวบรวมอุปกรณ์กีฬาจากแบรนด์ชั้นนำ ตลอดจน “เฮลตี้ คอมมิวนิตี้” ลานกิจกรรมสีเขียวสำหรับออกกำลังกายของคนทุกเพศทุกวัย
นอกจากนี้ ยังเตรียมก้าวสู่ความล้ำสมัยด้วยการนำเทคโนโลยีต่างๆมาช่วยให้ความรู้และบริการผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก การเปิดซื้อตั๋วและดูโปรแกรมกีฬาผ่านช่องทางออนไลน์
ถ้าทุกแผนก้าวเดินไปตามโรดแม็ปที่วางไว้ เชื่อว่าจะก่อเกิดประโยชน์อย่างมหาศาล ไม่เฉพาะ นักกีฬาเท่านั้น แต่มันหมายถึงชื่อเสียงและรายได้ เข้าสู่ประเทศด้วย.
โจโจ้